ทำไมโรงเรียนในนิวยอร์กจึงสั่งปิดกั้น ChatGPT ?

Loading

โรงเรียนในนิวยอร์ก สั่งจำกัดเว็บไซต์ ChatGPT บนอุปกรณ์และเครือข่ายของโรงเรียน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ด้านผู้เชี่ยวชาญ AI ชี้ ChatGPT ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก

ChatGPT หรือ แชทบอตตอบคำถามอัจฉริยะ เป็นเว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท OpenAI ปล่อยให้ใช้งานในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งได้รับความสนใจพอ ๆ กับ การเปิดตัวครั้งแรกของ iPhone ในช่วงปี 2550 การมีอยู่ของบอตตัวนี้ทำให้อุตสาหกรรม Generative AI มีเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

การทำงานของ ChatGPT จะสามารถหาคำตอบให้กับเราได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่การตอบคำถามง่าย ๆ เช่น Y2K คืออะไร สู่เรื่องเฉพาะอย่างการเขียนโค้ด แต่งเพลง ไปจนถึงเรื่องที่ผู้ถามไม่คาดคิดกับคำตอบ อย่างการเขียนบทความเกี่ยวกับสาเหตุของสงครามกลางเมืองในอเมริกา ซึ่งความฉลาดของบอตตัวนี้จะใช้ลีลาภาษาและย่อหน้าใกล้เคียงกับมนุษย์เขียน นี่จึงเป็นเหตุให้โรงเรียนในนิวยอร์กสั่งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์แชทบอตดังกล่าว

การปิดกั้นการเข้าถึง ChatGPT

เขตการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ตัดสินใจจำกัดเว็บไซต์ ChatGPT บนอุปกรณ์และเครือข่ายของโรงเรียน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งอาจจะทำให้หลาย ๆ โรงเรียนปฏิบัติตามมา ขณะเดียวกัน ครูผู้สอนพยายามหาทางป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการใช้แชทบอตเขียนวิทยานิพนธ์หรือบทความของโรงเรียน

“ตามกฎทั่วไป ไม่เหมาะสมที่จะใช้ ChatGPT หรือเครื่องมือเขียนอัตโนมัติอื่น ๆ สำหรับเอกสารของโรงเรียน เนื่องจากถือว่าเป็นการโกงและไม่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียนในระยะยาว”

โรงเรียนได้ปิดกั้นการเข้าถึงผ่านอุปกรณ์ของโรงเรียนเท่านั้น แต่เมื่อนักเรียนอยู่ที่บ้านก็ยังสามารถใช้งานบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของตนเองได้ตามปกติ ทำให้ผู้สอนยังคงมีความกังวลหากนักเรียนจะใช้เครื่องมือนี้ทำการบ้านเองทั้งหมด

“แม้ว่าเครื่องมือนี้อาจให้คำตอบอย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่ก็ไม่ได้สร้างทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา ซึ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จทางวิชาการและการใช้ชีวิต” Jenna Lyle โฆษกของโรงเรียนกล่าว

แชทบอตยังคงมีรอยรั่ว

ขณะที่บุคลากรฝั่งโรงเรียนมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความถูกต้องของเนื้อหา ฝั่งผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ก็กล่าวตรงกันว่า ChatGPT ยังไม่มีกระบวนการในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ง่าย ๆ คือ ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง คำตอบที่ได้รับมามีทั้งถูกและผิด และบางครั้ง AI ดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดภาพหลอน (Hallucinations) เนื่องจากเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ยังแยกความเป็นมนุษย์ออกมาไม่ได้ ตัวบอตอาจสร้างคำตอบที่ไม่เหมาะสมบนพื้นฐานอคติ ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดเชื้อชาติ เหยีดเพศ เหยียดสีผิว ตามที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์

มันจะคุกคาม Google หรือเปล่า?

บอต GPT และ Google แม้จะมีความใกล้เคียงกันในเรื่องของการตอบคำถาม แต่มีความแตกต่างกันอยู่ เมื่อเราค้นหาสิ่งต่าง ๆ บนกูเกิล เว็บไซต์จะแสดงผลเป็นรายการหรือคำที่เกี่ยวข้องออกมามากมายจากหลายแหล่ง ให้ผู้ใช้ได้เลือกสรรกันเอง แต่ในขณะที่ ChatGPT จะให้คำตอบเพียงชุดคำตอบเดียว และมีความเจาะจง คล้ายกับการสนทนากับมนุษย์โดยตรง

มีการคาดการณ์ว่า ChatGPT อาจล้มล้างธุรกิจการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตซึ่งปัจจุบันมีกูเกิลผูกขาด แต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างกูเกิลได้ศึกษาเทคโนโลยีที่คล้ายกันมาหลายปีแล้ว เพียงแค่ระมัดระวังมากขึ้นเมื่อจะเปิดตัวในสนาม

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากูเกิลคงมีอะไรมาโชว์พวกเราในปี 2566 เพราะบริษัทไมโครซอฟท์กำลังเตรียมลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่ม ChatGPT ของ OpenAI ลงในเครื่องมือค้นหา Bing แล้ว กูเกิลก็คงไม่น้อยหน้าเช่นกัน

มีรายงานว่า กูเกิลกำลังมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่กับการพัฒนา AI เราอาจได้เห็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในการประชุมนักพัฒนาซอฟท์แวร์ประจำปีของกูเกิล หรือ I/O ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/innovation/1047153


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210