‘การ์ทเนอร์’ แนะกลยุทธ์ ปลดล็อกเส้นทาง ‘Sustainable IT’

Loading

  • องค์กรต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและการลงทุนด้านเทคโนโลยี
  • การตัดสินใจว่าเราควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ยั่งยืนเมื่อใดและอย่างไร จึงเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญด้วยเหตุที่ความยั่งยืนส่งผลต่อทุกด้านขององค์กร
  • 40% ของ “AI Data Centres” ที่มีอยู่จะเผชิญกับข้อจำกัดในการดำเนินงาน เนื่องจากความพร้อมด้านพลังงานในปี 2570

เมื่อแรงกดดันด้านกฎระเบียบเข้มงวดขึ้นและราคาพลังงานพุ่งทะยาน ทำให้องค์กรต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและการลงทุนด้านเทคโนโลยีเร็วกว่าที่คาดไว้

ออทัมน์ สแตนนิช ผู้อำนวยการฝ่ายนักวิเคราะห์ การ์ทเนอร์ แสดงวิสัยทัศน์ พร้อมวิเคราะห์ว่า เมื่อแรงกดดันด้านกฎระเบียบเข้มงวดขึ้นและราคาพลังงานพุ่งทะยาน ทำให้องค์กรต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและการลงทุนด้านเทคโนโลยีเร็วกว่าที่คาดไว้

จากการสำรวจของการ์ทเนอร์ พบว่า 79% ของซีอีโอในเอเชียแปซิฟิกมองว่าความยั่งยืนเป็นโอกาสของการเติบโตทางธุรกิจที่โดดเด่น เมื่อผู้บริหารปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ระยะยาวโดยที่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมยังเป็นหนึ่งในหัวใจหลักที่จะกำหนดกรอบการแข่งขัน

การตัดสินใจว่าเราควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ยั่งยืนเมื่อใดและอย่างไร จึงเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญด้วยเหตุที่ความยั่งยืนส่งผลต่อทุกด้านขององค์กร

จำต้องเปลี่ยน ‘กรอบความคิด’

การ์ทเนอร์ระบุว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืนและบริการคลาวด์เผยให้เห็นข้อได้เปรียบด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน แต่มักถูกประเมินค่าของคุณประโยชน์ทางธุรกิจต่ำเกินไป หลายคนยังมองความยั่งยืนผ่านมุมมองผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยคาร์บอนและการลดขยะให้เหลือน้อยที่สุด

ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติการ (Infrastructure and operations หรือ I&O) ต้องก้าวข้ามการตอบสนองความคาดหวังและพิสูจน์คุณค่าทางธุรกิจของความพยายามด้านความยั่งยืนของพวกเขา

เพื่อปลดล็อกคุณค่าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ยั่งยืน (Sustainable IT) อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด สิ่งนี้กระตุ้นให้ผู้นำ I&O จัดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ และก้าวข้ามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์ทางอ้อม อาทิ ช่วยประหยัดต้นทุนทางด้านนวัตกรรมและการจัดการความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยวางแนวทาง Sustainable IT ให้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ยังช่วยให้มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความสำเร็จด้านความยั่งยืน โดยการวัดความก้าวหน้าในรูปแบบที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพทางธุรกิจ

คุณค่าสูงสุด แต่สูญเสียน้อยที่สุด

สำหรับ การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพของผู้นำ I&O สามารถเป็นประโยชน์ทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและงบประมาณ คือ การชะลอการซื้ออุปกรณ์ใหม่ ๆ รวมทั้งการจัดการ ปรับปรุง หรือนำสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมกลับมาใช้ใหม่ให้ดีขึ้น

แนวทางหนึ่งคือการกำหนดมาตรฐานวงจรชีวิตของอุปกรณ์ไอทีตามระยะเวลาการสนับสนุนของผู้ขาย และลดลงเฉพาะเมื่อจำเป็น เนื่องจากความต้องการด้านประสิทธิภาพ

ผลการวิจัยของการ์ทเนอร์ชี้ให้เห็นว่า องค์กรไม่เพียงแต่ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ยังสามารถประหยัดต้นทุนได้สูงถึง 40%หากมีการขยายอายุการใช้งานอุปกรณ์

สิ่งนี้รวมไปถึงเทคโนโลยีที่พนักงานใช้และมีการยอมรับแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนมากขึ้น ตามการสำรวจของการ์ทเนอร์พบว่า 75% ของพนักงานมีแนวโน้มที่จะใช้อุปกรณ์ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่สำหรับการทำงานหากช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่การจัดการเซิร์ฟเวอร์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ให้ดีขึ้นสามารถช่วยลดของเสียและประหยัดเงินได้ ในหลายองค์กรการใช้งานเซิร์ฟเวอร์มักจะน้อยกว่า 50% และบางครั้งต่ำถึง 20% เพื่อช่วยปรับปรุงสินทรัพย์เหล่านี้ องค์กรสามารถใช้โซลูชัน Performance Management และ Event Management เพื่อติดตามการใช้งานและประสิทธิภาพในโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์

โอกาสทองการสร้าง ‘นวัตกรรม’

การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า 40% ของ “AI Data Centres” ที่มีอยู่จะเผชิญกับข้อจำกัดในการดำเนินงานเนื่องจากความพร้อมด้านพลังงานในปี 2570 ซึ่งการหันมาทบทวนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญ

ความท้าทายนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับผู้นำ I&O ในการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรม สร้างโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่มาปรับใช้

อย่างไรก็ดี ไอทีที่ยั่งยืน ทนทานและมีประสิทธิภาพคือหนึ่งในผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุด ในการสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจ

แท้จริงแล้วระบบนิเวศด้านไอทีขององค์กรขึ้นอยู่กับการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติและความมั่นคงของอุตสาหกรรมทั่วโลก จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำ I&O ในการพัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเพื่อรองรับการหยุดชะงักด้านต้นทุนพลังงานที่ผันผวนและความท้าทายในห่วงโซ่อุปทานและข้อกำหนด ESG ที่เปลี่ยนแปลงไป

เพื่อปกป้ององค์กรจากปัญหาการหยุดชะงักเหล่านี้และช่วยรักษาความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ ผู้นำ I&O ควรนำแนวปฏิบัติการรีไซเคิลที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรมาใช้ ซึ่งอาจรวมถึงการมองหาสถานที่ที่มีคาร์บอนต่ำสำหรับการโฮสต์เวิร์กโหลดที่ทำงานอย่างรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนให้มากที่สุด เช่น พลังงานน้ำหรือเชื้อเพลิงฟอสซิล

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1181877


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210