เปิดบทบาท ETDA ในวันที่ AI ขับเคลื่อนไทย บนทางแยกความเสี่ยง VS โอกาส

Loading

AI ก็เปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้าน ดังนั้น การกำกับดูแลการใช้ AI ให้อยู่ขอบเขตที่เหมาะสม สอดคล้องตามหลัก จริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ควรจะเป็น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ถือเป็นหนึ่งภารกิจ ETDA ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล

ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล กล่าวว่า การรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ สำหรับประเทศไทย ไม่เป็นรองใครในโลก รวมถึงการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งโจทย์สำคัญคือจะใช้ AI ให้เกิดประโยชน์กับประเทศ หรือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีมาอย่างยาวนานแล้วอย่างไร เช่น ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำเพราะเกษตรกร ปลูกพืชเดียวกัน ทำให้สินค้าล้นตลาดหรือการเตรียม ความพร้อมรับมือกับสังคมสูงวัย

“AI มีความพิเศษกว่าเทคโนโลยีอื่น ๆ ตรงที่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สั่งแล้วทำตาม แต่ยังสามารถ ให้คำแนะนำกลับมาได้ด้วย ถือเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหากผู้ใช้งานรู้ไม่เท่าทัน เพราะการแนะนำของ AI อาจมีอคติ”

เป็นสาเหตุให้ ETDA จึงได้ออก AI Governance Guideline for Executives หรือ แนวทางการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีธรรมาภิบาล สำหรับผู้บริหารองค์กร ที่เป็น Framework ของการประยุกต์ใช้ AI ได้อย่างมีธรรมาภิบาล ในระดับองค์กร เพื่อช่วยลดความเสี่ยงไปพร้อม ๆ กับการประยุกต์ใช้ AI ในภาคส่วนต่างๆ

AI Governance Guideline

AI Governance Guideline for Executives หรือ แนวทางการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ อย่างมีธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารองค์กรถือเป็นฉบับแรกของไทย มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริหาร หรือเจ้าของธุรกิจควรรู้เมื่อจะนำ AI มาใช้ในองค์กร เพื่อให้สามารถใช้งาน AI ได้อย่างปลอดภัย โดยแบ่งการกำกับดูแลเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1 การกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแล (Al Governance Structure)  เป็นการนำเสนอ แนวทางการ กำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลการประยุกต์ใช้ AI ขององค์กร โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแล ทำหน้าที่ ในการกำหนดกลยุทธ์ และนโยบาย ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้ AI ภายในองค์กรรวมถึง มีหน้าที่ในการเฝ้าติดตาม และประเมินผลการประยุกต์ใช้ AI เพื่อให้มั่นใจได้ว่าองค์กรมีการกำกับดูแล การประยุกต์ใช้ AI อย่างเหมาะสม

2 การกำหนดกลยุทธ์ในการประยุกต์ใช้ AI (Al Strategy)  เป็นการมองหาโอกาส หรือประโยชน์ที่องค์กร จะได้รับจากการนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อตอบสนองเป้าหมายองค์กร พร้อมทั้งวิเคราะห์ความสำเร็จ จากการนำ AI มาประยุกต์ใช้ ความเป็นไปได้ในการดำเนินการ ความพร้อมขององค์กรและทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าการประยุกต์ใช้ AI จะบรรลุตามเป้าหมาย และประสบความสำเร็จตามที่กำหนด รวมถึงวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบจากการนำ AI มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับความสอดคล้อง กับหลักการจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ และความสอดคล้องตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง

3 การกำกับดูแลการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ AI (AI Operation) เป็นการอธิบายถึงแนวปฏิบัติตลอด วงจรชีวิตของ AI  เพื่อให้มั่นใจว่า  AI ได้รับการออกแบบ พัฒนา และนำไปใช้งานได้อย่างสอดคล้อง ตามเป้าหมายขององค์กร รวมถึงสอดคล้อง ตามหลักการ จริยธรรม AI กฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังอธิบายถึงแนวปฏิบัติในการจัดเตรียมข้อมูล (Data Preparation) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ และเหมาะ สำหรับนำไปใช้สอนและทำงานร่วมกับ AI ตลอดจนแนวปฏิบัติการรับมือกับความเสี่ยง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การเฝ้าติดตาม และการประเมินผลการประยุกต์ใช้งาน AI เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ

โจทย์ท้าทาย…บาลานซ์ความเสี่ยง VS โอกาส

ศักดิ์ กล่าวว่า ความเข้มข้นของการวาง Framework เกี่ยวกับการใช้ AI มีอยู่ 4 ระดับ ได้แก่ 

1 การวาง บทบาทเรื่อง AI ของไทยในเวทีโลก

2 การทำงานร่วมกับผู้บังคับใช้กฎหมายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเงิน การแพทย์ และการศึกษา เพื่อบาลานซ์ระหว่างการกำหนดขอบเขตการใช้งาน

3 การออก Guideline สำหรับองค์กร

และ 4 การออก Guidelineสำหรับประชาชน เพื่อให้เกิดการใช้งาน AI อย่างเหมาะสม และไม่พึ่งพา AI มากเกินไป

ปัจจุบันภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยตรงมี 2 กลุ่มคือ ผู้พัฒนาระบบ และผู้ที่นำ AI มาใช้เพื่อให้บริการ ซึ่งความเข้มข้นในการกำกับดูแลหรือบังคับใช้กฎหมาย จะต้องพิจารณาจากความเสี่ยง และประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้งาน AI ในแต่ละอุตสาหกรรม ถ้าเสี่ยงมากก็ต้องมีดีกรีการบังคับใช้ ที่เข้ม ข้นตามไปด้วย

ก้าวต่อไปของ ETDA

แผนงานในปีนี้ของ ETDA นอกจาก AI Governance Guideline ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว  ETDA โดยศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Center by ETDA หรือ AIGC) เตรียมออก Guideline อีกหลายฉบับ ครอบคลุมทั้ง การใช้ Generative AI, การจัดทำ AI Roadmap, AI Procurement รวมถึง AI Job Redesign

อีกทั้งยังเตรียมจัดทำหลักเกณฑ์การประเมิน การทำงาน ของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model หรือ LLM) สำหรับต่อยอดไปสู่การกำหนด เป็นหลักเกณฑ์พื้นฐาน (Baseline) ในการทดสอบ Sandbox ต่อไป ด้วย

“ปัจจุบันมีการพัฒนา LLM อยู่ในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก  แต่ไม่รู้ว่าโมเดลไหนสามารถให้คำตอบ ได้ถูกต้องมากที่สุด หรือเหมาะกับการใช้งานในไทย โดยเฉพาะการให้คำตอบในประเด็นที่อ่อนไหว เช่น ศาสนา และการเมือง สิ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างธรรมาภิบาลการใช้ AI ที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจ ระดับโลกให้ความสำคัญเห็นได้จากการที่ผู้ให้บริการ AI เซ็นสัญญาความร่วมมือกับ สำนักข่าวหรือเจ้าของข้อมูล เพื่อประกาศว่าจะนำข้อมูลมาใช้ในการเทรน AI อย่างถูกต้อง”

AI โอกาสในวิกฤตของ SMEs-Startup

ที่ปรึกษาอาวุโส ETDA กล่าวด้วยว่า แม้การใช้ AI จะมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังอีกหลายอย่าง แต่ถ้าบาลานซ์การใช้งานได้ จะนำมาซึ่งโอกาสของ SMEs และ Startup ยุคใหม่อีกมาก เพราะในอดีตการลงทุนด้านเทคโนโลยีถือเป็นข้อจำกัดของกลุ่มผู้ประกอบรายเล็ก แต่เมื่อ AI เข้ามา เครื่องมือในการทำธุรกิจก็มีอยู่เต็มไปหมด ถ้าผู้ประกอบการรู้จักเรียนรู้และนำมาปรับใช้กับธุรกิจของ ตนเองจะช่วยลดต้นทุนและเวลาในการทำงานได้ เช่น การร่างสัญญา ที่เมื่อก่อนต้องจ้างทนาย ตั้งแต่ขั้นตอนแรก แต่พอใช้ AI ก็อาจจะจ้างทนายแค่ขั้นตอนการตรวจสอบเท่านั้น

“AI สามารถเข้ามาช่วยในการทำงานได้เกือบทุกตำแหน่ง เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า การให้บริการ Customer Services และการช่วยคัดกรองใบสมัครงาน  ช่วยลดเวลา และขั้นตอนในการรับสมัครใหม่ สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่า ความต้องการในการใช้งาน AI ยังคงมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ AI จะเป็นโอกาสที่ทำให้ เกิดบริการในรูปแบบใหม่ ๆ อีกมากมาย”

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1130841


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210