ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF คือ การนำเอา “เชื้อเพลิงขยะ” หรือ Refuse Derived Fuel (RDF) ที่ได้จากการแปรรูปขยะมูลฝอยผ่านกระบวนการอัดแท่งและปรับปรุงคุณสมบัติเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตพร้อมๆ กับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยในประเทศไทย
โดยล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ตลาด RDF ในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 6.3% แตะมูลค่า 1.8 พันล้านบาท โดย 61% ของ RDF จะถูกนำไปใช้ใน การผลิตไฟฟ้า ซึ่งความต้องการ RDF ในภาคไฟฟ้าเติบโตขึ้นประมาณ 9.9% จากการสนับสนุนการใช้พลังงานขยะของภาครัฐ ทั้งนี้ อัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะยังสูงกว่าพลังงานแสงอาทิตย์และลม
แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะมูลฝอย ยังเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น การสั่งอาหารออนไลน์ และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาครัฐต้องผลักดันนโยบายเพื่อจัดการกับปัญหาขยะล้นเมือง หนึ่งในนโยบายหลัก คือ การนำขยะไปแปรรูปเพื่อผลิตพลังงาน เช่น การแปรรูปขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF (Refuse Derived Fuel) โดยวิธีนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะคงค้าง แต่ยังนำขยะกลับมาใช้เป็นทรัพยากรในการผลิตพลังงานอีกด้วย
นอกจากนั้น ความต้องการ RDF สำหรับการผลิตไฟฟ้า เพิ่มขึ้นได้ตามการส่งเสริมของภาครัฐที่มีการตั้งอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะสูงกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ การเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชน 282.98 เมกะวัตต์ ในช่วงปี 2568-2569 มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 3.66 – 5.78 บาท/หน่วย ในขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์และลมที่มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 2.22 บาท/หน่วย และ 3.10 บาท/หน่วย ตามลำดับ โดยอัตรารับซื้อไฟที่สูงกว่านี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการมาลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น ทำให้คาดว่าความต้องการ RDF แตะ 6 ล้านตัน ในปีหน้า
โดยคาดว่า ปี 2580 ความต้องการ RDF สำหรับภาคไฟฟ้าจะมากถึง 15 ล้านตัน ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก พ.ศ 2567-2580 (ร่างแผน AEDP 2024) ที่มีเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน 1,142 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กกพ. ยังไม่มีแผนเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติมจากข้างต้น แต่ได้เตรียมการที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ขยะอุตสาหกรรมที่ผลิตในโรงงาน จึงไม่กระทบความต้องการ RDF จากขยะชุมชน
และคาดว่าในปี 2569 การใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงานความร้อนจะลดลง 6.6% โดยการใช้ RDF จะเพิ่มขึ้นราว 3 แสนตัน (รูปที่ 6) แม้ว่าต้นทุนการใช้ RDF ในการผลิตพลังงานความร้อนจะสูงกว่าถ่านหิน แต่ด้วยมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (EU) ที่เก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนเยอะ เช่น ปูนซีเมนต์ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน อย่างไรก็ตาม การเติบโตของปริมาณขยะมูลฝอยในประเทศอาจไม่เพียงพอสำหรับความต้องการ RDF ในอนาคต
จากจำนวนขยะมูลฝอยทั้งหมด มีเพียง 35% หรือ ราว 9.5 ล้านตัน ที่สามารถนำไปแปรรูปเป็น RDF ได้ ส่วนขยะที่เหลือจะไม่เหมาะสำหรับแปรรูปเป็น RDF หรือ ถูกนำไปรีไซเคิล โดยในปี 2567 กว่า 82% ของขยะมูลฝอยที่สามารถนำไปแปรรูปเป็น RDF ได้ถูกนำไปผลิตจริงแล้ว ดังนั้น คาดว่าการเติบโตของขยะมูลฝอยของประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอที่จะรองรับการเติบโตของความต้องการ RDF ทั้งในภาคไฟฟ้า และภาคผลิตพลังงานความร้อน ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ในระยะข้างหน้า การคัดแยกและรวบรวมขยะอย่างถูกต้องเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องผลักดันเพื่อที่จะเพิ่มปริมาณขยะมูลฝอยที่สามารถแปรรูปเป็น RDF ได้
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังวิเคราะห์ถึง “ความเสี่ยงของ ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF” ไว้ 4 ประเด็นด้วยกัน
- ความต้องการ RDF ในภาคการผลิตไฟฟ้ามีความไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ พลังงานจากขยะยังต้องแข่งขันกับพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ ที่ภาครัฐอาจสนับสนุนมากกว่า เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำกว่าถึงเท่าตัว
- ห่วงโซ่อุปทานของเชื้อเพลิงขยะต้องอาศัยการประสานงานระหว่างหลายหน่วยงานของภาครัฐ เช่น การจัดเก็บขยะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ส่วนการกำหนดนโยบายการรับซื้อพลังงานเป็นหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เป็นต้น การทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานนี้จำเป็นต้องมีความสอดคล้อง เพื่อสนับสนุนความพร้อมของอุปทาน RDF ในภาคพลังงาน
- ธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF อาจเผชิญความเสี่ยงจากการที่ปริมาณขยะมูลฝอยถูกนำไปรีไซเคิลมากขึ้น แทนที่จะถูกนำไปแปรรูปเป็นพลังงาน สำหรับประเทศไทย ระหว่างปี 2556-2566 อัตราการเติบโตของขยะที่ถูกรีไซเคิลสูงกว่าการรวบรวมขยะเพื่อผลิตพลังงานถึง 3.0%
- การเติบโตของธุรกิจ RDF อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากกระบวนการผลิตพลังงานจากขยะมักมาจากการเผาไหม้ ซึ่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้พลังงานขยะอาจถูกลดบทบาทได้ในอนาคตจากข้อกำหนดสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สหราชอาณาจักรจะนำพลังงานขยะเข้าสู่ระบบสิทธิการซื้อขายใบรับรองการปล่อยคาร์บอน (Emission Trading Scheme) ในปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลด้านมลพิษจากพลังงานขยะ
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2025/05/08/rdf-business-rising-in-2568-2569/