ความก้าวหน้าของ “แบตเตอรี่” คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งในปัจจุบัน แบตเตอรี่ที่กำลังนิยมนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าคงหนีไม่พ้น “ลิเทียม-ไอออน” เนื่องจากมีน้ำหนักเบา อายุการใช้งานที่ยาวนาน 

แต่อย่างไรก็ตาม ลิเทียม-ไอออน ก็ยังมีข้อจำกัดในหลาย ๆ อย่าง เช่น ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ยังน้อยอยู่ รวมไปถึงแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ ซึ่งกินพื้นที่ห้องเครื่องพอสมควร

ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าแบตเตอรี่ “ลิเทียม-ไอออน” ใช้สิ่งที่เราเรียกว่า “กราไฟต์” ในการบรรจุลิเทียม หรือก็คือกราไฟต์เป็นตัวสำคัญที่ใช้เก็บพลังงานในแบตเตอรี่ ที่ยิ่งใส่เยอะ ยิ่งจุพลังงานได้เยอะนั่นเอง และนั่นจึงเป็นเป็นที่มาของขนาดที่ใหญ่ของแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า แล้วทุกวันนี้ ก็ดูเหมือนว่ากราไฟต์จะถูกพัฒนาจนสุดขีดความสามารถของมันแล้ว..

Porsche ผู้นำด้านยนตกรรมสัญชาติเยอรมัน ได้เล็งเห็นถึงข้องจำกัดดังกล่าว จึงได้มีการร่วมทุนกับบริษัทสตาร์ตอัปมาแรง ที่ชื่อว่า “Group14” เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,400 ล้านบาท) ในการร่วมพัฒนา “ลิเทียม-ซิลิกอน Lithium-Silicon)” แบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่ใช้ “ซิลิกอน” ในการบรรจุไอออนแทนที่กราไฟต์

ซึ่งโดยทางทฤษฎีแล้ว ซิลิกอนสามารถทำงานร่วมกับกราไฟต์ในการเก็บลิเทียมร่วมกันได้ดี และที่สำคัญก็คือ ซิลิกอนสามารถกักเก็บไอออนได้มากกว่ากราไฟต์ถึง 10 เท่า ส่งผลให้แบตเตอรี่ ลิเทียม-ซิลิกอน จะกลายเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้พื้นที่ในห้องเครื่องน้อยกว่า และให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีกว่า ลิเทียม-ไอออน ในปัจจุบัน และยังใช้งบประมาณไม่มากในการเปลี่ยนไลน์การผลิตจาก ลิเทียม-ไอออน ไปเป็น ลิเทียม-ซิลิกอน อีกด้วย

ที่ผ่านมา Porsche ได้มีการปล่อยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของตัวเอง ในชื่อรุ่น Taycan ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดขายถึง 41,296 คันทั่วโลก ซึ่งมากกว่ารถยนต์ระดับไอคอนของ Porsche อย่าง 911 ที่มียอดขาย 38,464 คันทั่วโลก

น่าสนใจว่า ลิเทียม-ซิลิกอน ที่สมบูรณ์ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรที่น่าตื่นเต้น ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังร้อนแรงบ้าง..

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/MarketThinkTH/posts/5006052339487117/