ตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่คนแห่ไปรับประทานอาหารปิ้งย่างเมืองจือโป๋ และไปลิ้มชิมรสเทียนสุ่ยสุกี้หม่าล่าทั่งของมณฑลกานซู ที่โด่งดังขึ้นมาในโลกออนไลน์ ขณะที่คนจีนภาคใต้ต่างเดินทางไปเที่ยวเมืองฮาร์บิน ปรากฎการณ์ที่กล่าวมานี้นับเป็นการปลุกกระแสการท่องเที่ยวในเมืองนอกสายตาของจีนขึ้นมาแบบกระหึ่มโลกโซเชียล
ก่อนหน้านี้ เมื่อกล่าวถึงเมืองท่องเที่ยวของจีน คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเมืองใหญ่ทันสมัยอย่างกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น หรือเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และทรัพยากรวัฒนธรรมที่สมบูรณ์ อย่างเมืองซีอาน ลั่วหยาง และหางโจว จนกระทั่งล่าสุด ได้เกิดคลื่นความนิยมลูกใหม่ ที่ทำให้ เมืองจือโป๋โด่งดังขึ้นในชั่วพริบตาเมื่อปี 2023 ทั้งที่เมืองนี้เป็นเมืองรองระดับ 2 และ 3 ของจีน ซึ่งไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อดั้งเดิม แต่กลับดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายจากทั่วประเทศจีนด้วยลักษณะพิเศษของตัวเมือง และบรรยากาศการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
นี่นับว่าเป็นตัวอย่างของการใช้ช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ และ สื่อโซเชียลอันทรงพลัง เพราะในยุคสื่อสังคมออนไลน์ หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งในสื่อโซเชียลอาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการจุดกระแสนิยมของเมืองใดเมืองหนึ่ง และจำนวนผู้คลิกเข้ามาชมทางเว็บไซต์ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะหมายถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวจริงๆ
ชวนมาถอดบทเรียนความสำเร็จ การผลักดันให้ 3 เมืองของจีน เฉิดฉายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ด้วยพลังของสื่อออนไลน์ & สื่อโซเชียล
ทั้งที่เมื่อย้อนกลับไปสำรวจจุดเริ่มต้นที่เมืองฮาร์บินกลายเป็นเมืองยอดฮิตทางออนไลน์จะพบว่า เป็นข่าวทางลบด้วยซ้ำ
เดือนธันวาคม ปี 2023 สวนสนุกหิมะน้ำแข็งเมืองฮาร์บินครั้งที่ 25 เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 40,000คน มาเที่ยวในสวนในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น รายการสนุกๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น สไลเดอร์น้ำแข็ง และชิงช้าสวรรค์น้ำแข็ง ต้องรอคิวนานหลายชั่วโมงจึงจะเล่นได้ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่พอใจ จนกระทั่งมีบางคนเรียกร้องค่าชดเชย เหตุนี้กลายเป็นข่าวโด่งดังในสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเมืองฮาร์บินต้องเผชิญกับวิกฤตดังกล่าว ทางการฮาร์บินตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยได้แถลงข่าวถึงนักท่องเที่ยวอย่างทันการณ์ และขออภัยนักท่องเที่ยวทั้งหลายอย่างจริงใจ พร้อมระบุแผนการแก้ไขที่ชัดเจน มาตรการเหล่านี้เองที่ช่วยปรับวิกฤตเป็นโอกาส ทำให้เมืองฮาร์บินได้รับความนิยมอีกครั้ง
ทันใดนั้น เมืองฮาร์บินกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทางสื่อสังคมออนไลน์
หลังจากนั้น เมืองฮาร์บินไม่ปล่อยโอกาสอันดีนี้ไป ได้จัดกิจกรรมและอีเวนต์เพื่อแสดงถึงคำขอบคุณกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นแฟนคลับของเมืองนี้ โดยฉวยเอาโอกาสที่ความสนใจในเมืองนี้ผ่านสื่อโซเชียลที่ยังไม่จางหาย และชักชวนนักท่องเที่ยวมาสำรวจเมืองน่ารักแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเสนอกิจกรรมการขึ้นบอลลูนลมร้อนชมวิวทิวทัศน์เหนือแม่น้ำซงฮวา แม่น้ำสายใหญ่อันดับ 3 ของจีน ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศโรแมนติกเหมือนอยู่ในตุรเคีย ขณะที่ ได้เนรมิตดวงจันทร์เทียมลอยประดับเหนือโบสถ์เซนต์โซเฟีย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพอันน่าประทับใจยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังดึงจุดเด่นของเมืองฮาร์บิน ที่มีสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก และเสือไซบีเรีย ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจีนมาอวดโฉมต่อนักท่องเที่ยวในสวนสัตว์ โดยทางการฮาร์บินได้เชิญคนชนเผ่าเอ้อร์หลุนชุนออกจากถิ่นที่อยู่ในเขตเขาลึก นำกวางเรนเดียร์ของพวกเขาออกมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ และแชร์สู่โลกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TIK TOK และเสี่ยวหงซู
เมื่อทบทวนเคล็ดลับความสำเร็จของการพลิกจากวิกฤตเป็นโอกาสและสร้างกระแสความนิยมด้านการท่องเที่ยวให้กับเมืองฮาร์บิน มีแนวคิดหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในครั้งนี้และต้องกล่าวถึง นั่นคือ “เศรษฐกิจชวนให้ซื้อ” ซึ่งกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับช่องทางแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ โดยในช่วงแรกเริ่ม ฝ่ายลูกค้า หรือฝ่าย C ซึ่งย่อจาก Customer จะสร้างกระแสมาก่อน จากนั้นจะแพร่ไปยังฝ่ายธุรกิจ หรือฝ่าย B ซึ่งย่อมาจาก Business ที่หมายถึงแบรนด์ที่พัฒนาใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจประเภทการบริโภคใหม่จะใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ “เศรษฐกิจชวนให้ซื้อ” เป็นหลัก
ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่าย G ซึ่งย่อจาก Government ได้ประยุกต์ใช้โมเดล “เศรษฐกิจชวนให้ซื้อ” อย่างคล่องตัวด้วย โดยมักจะใช้ในการสร้างภาพลักษณ์เมือง สร้างแบรนด์ของเมือง และกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองด้วย กลายเป็นรูปแบบการพัฒนาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเมือง
ยกตัวอย่าง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสุกี้หม่าล่าทั่งของเมืองเทียนสุ่ยของมณฑลกานซูเกิดกระแสฮิตทั่วโซเชียลจีน ทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนพุ่งทะยานขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต ในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน เมื่อสำรวจถึงที่มาของกระแสนี้ พบว่าเกิดขึ้นจากนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ชิมสุกี้หม่าล่าทั่งที่มีความสดอร่อยแล้วประทับใจมาก จึงถ่ายคลิปสั้นพร้อมข้อความกำกับ “ขอเสนอสุกี้หม่าล่าทั่งของกานซูให้เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศจีน” ต่อจากนั้นการเช็คอินที่ เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู ได้กลายเป็นประเด็นฮิตที่สุดในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน
เพื่อตอบสนองกระแสโซเชียลที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับเมืองนี้ ทางการเมืองเทียนสุ่ยได้ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว โดยทาสีกำแพง ตั้งป้ายบอกทาง เพื่อบูรณะฮาร์ดแวร์ และจัดบริการรถรับส่งที่สนามบิน เปิดเส้นทางเที่ยวชิมสุกี้หม่าล่าทั่งโดยเฉพาะ นำนักท่องเที่ยวต่างเมืองจากสนามบินไปถึงร้านหม่าล่าทั่งโดยตรง กรมควบคุมดูแลการตลาดก็ไปดูงานตามร้านต่างๆ เพื่อสร้างหลักประกันด้านคุณภาพอาหารและการบริการ
โดยเพจทางการของเมืองเทียนสุ่ยและมณฑลกานซูก็ได้นำเสนอเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ สื่อเมืองเทียนสุ่ยประกาศเคล็ดลับสุกี้หม่าล่าทั่งของเทียนสุ่ยคือ ใช้พริกพิเศษสองอย่างของท้องถิ่น ได้แก่ พริกหอมมั่ยจี๋ และพริกกานซู ทำให้ได้รสชาติความซ่าแต่ไม่ขม หอมแต่ไม่เผ็ดเกิน เป็นที่นิยมของชาวเน็ตทั้งหลาย อารยธรรมที่ยาวนานถึง 8,000 ปีของเทียนสุ่ย เป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมฝูซี จุดเริ่มต้นอารยธรรมจีนโบราณ และความเป็นสนามรบโบราณในยุคสามก๊กของจีน (ค.ศ. 220-280) ล้วนทำให้เมืองเทียนสุ่ยมีเสน่ห์ทางวัฒนธรรมมากขึ้น
ต่อมา สำหรับ จือโป๋ เมืองดังในสื่อสังคมออนไลน์เมืองแรกของจีน ก็เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่เมื่อเทียบกับเมืองที่ขึ้นชื่อเมืองอื่นๆ แล้ว ก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกัน เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้น เมืองจือโป๋พัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเมืองหนึ่งของมณฑลซานตง เพราะมีทรัพยากรถ่านหิน เหล็ก และอะลูมิเนียมที่อุดมสมบูรณ์ เป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาอุตสาหกรรมเมืองจือโป๋ ทุกวันนี้ เมืองจือโป๋กำลังปรับภาพลักษณ์ของเมืองอยู่ แต่ในวันนี้ เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเมืองนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีน
โดยเหตุที่เกิดกระแสนิยมขึ้นมาคือ นักศึกษาโพสต์บทความผ่านสื่อโซเชียลเพื่อโชว์ความสนุกสนานของปิ้งย่างท้องถิ่นว่า ถ้าจะทานปิ้งย่างที่อร่อยโดนใจต้องไปที่เมืองจือโป๋ เพราะที่นี่ใช้เตาถ่านย่างเองบนโต๊ะอาหาร จากนั้นนำแผ่นแป้งท้องถิ่นห่อเนื้อที่ย่างสุกและต้นหอมรับประทาน เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มตามใจชอบ นับเป็นปิ้งย่าง DIY ที่สนุกสนาน วัยรุ่นจึงหลั่งไหลมาสัมผัส และเน็ตไอดอลทั้งหลายก็ได้ตามมาด้วย
เมื่อปิ้งย่างจือโป๋โด่งดังขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ที่มีประชากรเพียง 4.7 ล้านคน ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนได้รองรับนักท่องเที่ยว 4.8 ล้านคน โดยในช่วงวันเมย์เดย์ปี 2023 คนที่จ่ายตลาดสดแห่งหนึ่งในเมืองจือโป๋มีจำนวนเยอะกว่านักท่องเที่ยวบนกำแพงเมืองจีนอีก ตั๋วรถไฟความเร็วสูงพอเปิดให้จอง ก็จองหมดภายในนาทีเดียว
สิ่งที่น่าทึ่งคือ ทางการท้องถิ่นได้ฟีดแบ็กกับคอมเมนต์ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็วและเปิดกว้างชนิดไม่เคยมีมาก่อน ชาวเน็ตบางคนล้อเล่นว่า อยากชวนหนุ่มหล่อมาทานปิ้งย่างด้วยกัน ทางการจือโป๋จึงจัดทีม 180 เซนติเมตร ให้หนุ่มตัวสูง 180 เซนติเมตรขึ้นไปใส่สูทต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สถานีรถไฟ ไม่เพียงเท่านั้น ทางการจือโป๋ยังได้จัดขบวนรถไฟปิ้งย่างโดยเฉพาะ ซึ่งผู้โดยสารได้รับแอปเปิลและของฝากต่างๆ ที่ทางการท้องถิ่นมอบให้ด้วย ทางการจือโป๋ยังได้ให้คำปรึกษาด้านการคมนาคม ที่พักอาศัย ข้อมูลปิ้งย่าง และเส้นทางท่องเที่ยวที่ละเอียดด้วย
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ 3 เมือง ทั้ง เมืองจือโป๋ ถึงฮาร์บิน และเทียนสุ่ย ทำให้ทุกคนได้รู้ถึงพลังของสื่ออนไลน์และสื่อโซเชียล ที่สามารถเปลี่ยนให้เมืองนอกสายตามาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วสารทิศ นี่นับเป็นการสะท้อนถึงตรรกะและแนวโน้มการใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์เมืองในยุคดิจิทัล ด้วยการดึงดูดความสนใจด้วยประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แล้วใช้สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวหลากหลาย และการบริการสาธารณะที่อบอุ่นในการสร้างแรงกระตุ้นใหม่เรื่อยๆ เพื่อจับโอกาสการได้รับความนิยมทางสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งหาได้ยากในการพัฒนาเมือง
ต้องยอมรับว่า ชีวิตที่คึกคักในตลาด ชีวิตเรียบง่ายในโลก ปลอบใจมนุษย์เราได้ ผู้บริโภครุ่นใหม่ของจีนที่เป็นทั้งชาวเน็ตและนักท่องเที่ยว ต่างปรารถนาที่จะได้ชีวิตที่มีคุณภาพ การบริการที่อบอุ่น และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์วัฒนธรรม ขณะที่ ผู้บริหารเมืองเริ่มเรียนรู้แนวคิดการพัฒนาการท่องเที่ยวใหม่ๆ และให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคชาวเน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เมืองต่างๆ ของจีนจะแสดงความดีงามทั้งด้านการเมืองและสังคมผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ และเมืองเหล่านี้ซึ่งเคยเป็นเมืองทั่วไปแต่มีความมีชีวิตชีวา ย่อมไม่เพียงพัฒนาเป็นเมืองโด่งดังชั่ววูบทางสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น แต่จะกลายเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมต่อไปอย่างยั่งยืน
ได้เวลาเปิดศักราชใหม่ เปลี่ยนผ่าน “ธุรกิจการท่องเที่ยวจีน” สู่ยุครุ่งเรือง
“ดูเหมือนว่า ในวันนี้ เมืองทุกเมืองเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 100 ล้านคน” โดยเฉพาะช่วงวันเมย์เดย์ปี 2024 ของจีน ซึ่งนอกจากจะเป็นวันหยุดยาวของชาวจีนทั้งประเทศแล้ว ยังเป็นฤดูการท่องเที่ยวยอดฮิตอีกด้วย โดยสถิติจากกระทรวงวัฒนธรรมและกาลท่องเที่ยวจีนพบว่า ช่วงเวลา 5 วันในช่วงวันเมย์เดย์ของจีน คนจีนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศถึง 295 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้นถึง 7.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 28.2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2019 และค่าใช่จ่ายที่นักท่องเที่ยวจีนใช้ในช่วงเวลาดังกล่าวคิดเป็น 166,890 ล้านหยวน หรือ 23,058 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2019
ขณะเดียวกัน จีนเริ่มฟื้นฟูมาตรการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวจีนด้วย โดยสถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติพบว่า ช่วงไตรมาสแรกปี 2024 จำนวนคนต่างชาติที่เข้ามาในจีนเพิ่มขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และในจำนวนดังกล่าวมี 30% เป็นนักท่องเที่ยว ส่วนสถิติจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวพบว่า ช่วงวันเมย์เดย์ปีนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกจีนรวมแล้ว 3.672 ล้านคน/ครั้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวจีนมี 1.775 ล้านคน/ครั้ง
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวจีนเป็นจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวของจีนเฟื่องฟูขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยเมื่อเดือนธันวาคมปี 2566 ที่ผ่านมา จีนประกาศใช้นโยบายฟรีวีซ่าให้กับฝรั่งเศส เยอรมนี และมาเลเซียรวม 12 ประเทศ และยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ และชาวไทย ขณะเดียวกัน ได้ออกมาตรการลดขั้นตอนการขอวีซ่า ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยได้จัดช่องทางพิเศษสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางต่างชาติ ปรับปรุงระบบการใช้จ่ายดิจิทัลให้สะดวกขึ้นสำหรับคนต่างชาติ และสนับสนุนการชำระเงินด้วยหลากหลายวิธี เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวจีนอย่างสะดวกสบายมากขึ้น
ทั้งนี้ สถิติจากแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวจีนพบว่า ช่วงวันเมย์เดย์ มีการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก แพคเกจท่องเที่ยว เพื่อเดินทางมาเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 105% ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศที่จีนใช้นโยบายยกเว้นวีซ่านั้นเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าตัว กระแสนี้ได้กระตุ้นให้บริษัทการท่องเที่ยวต่างๆ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง กระตุ้นตลาดคนต่างชาติเที่ยวจีนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนก็มีแนวโน้มใหม่ เมืองท่องเที่ยวดั้งเดิมยังคงคึกคักอยู่ ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวในอำเภอหรือหมู่บ้านเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไฮไลท์ของตลาดการท่องเที่ยวในช่วงวันเมย์เดย์ สถิติพบว่า ช่วงวันเมย์เดย์ ได้เกิดแรงกระตุ้นการบริโภคบริการวัฒนธรรมและท่องเที่ยวในอำเภอต่างๆ ของจีน มีใบจองบริการท่องเที่ยวของเมืองหยางโจว, ลั่วหยาง, ฉินหวงเต่า ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวดั้งเดิมของจีนเพิ่มขึ้น 11% ขณะที่อำเภอเล็กๆ อย่างอันจี๋, ถงหลู และตูเจียงเยี่ยน ซึ่งเป็นอำเภอท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมใหม่ มีใบจองมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 36%
การที่เมืองเล็กๆ ได้รับความนิยมจากตลาดการท่องเที่ยวจีนแสดงให้เห็นว่า จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนในตอนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งในด้านอุปทานและบริโภคของตลาดการท่องเที่ยวจีน ในด้านการบริโภค โดยลูกค้าพยายามหลีกเลี่ยงเที่ยวตามคนทั่วไป เน้นความชอบส่วนตัวมากขึ้น จากเมืองใหญ่ๆ ก็หันมาสนใจเมืองเล็กๆ จนกระทั่งอำเภอด้วย ซึ่งในอนาคตจะเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นชัดเจนขึ้น ส่วนในด้านอุปทาน เครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่สมบูรณ์ มีส่วนทำให้เมืองและอำเภอเล็กๆ สามารถเชื่อมถึงเมืองใหญ่ได้สะดวก ขณะเดียวกัน เมืองและอำเภอเล็กๆ ก็ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น เฉพาะปีนี้ แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวเพียงแพลตฟอร์มเดียวของจีนก็ได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวกว่า 1,000 แห่งในอำเภอ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังสนใจเดินทางมาเที่ยวจีนมากขึ้น และเมื่อวัยรุ่นจีนสนใจเมืองและอำเภอเล็กๆ ของจีนมากขึ้น ก็เป็นการกระตุ้นให้จีนใช้มาตรการอำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติเข้ามาในจีนมากขึ้น และมีการต่อยอดความสำเร็จนี้ไปใช้ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้จีนได้พัฒนาความเป็นเมือง และฟื้นฟูความรุ่งเรืองของหมู่บ้านเล็กๆ ดังนั้นภาพของวัฒนธรรมการท่องเที่ยวในช่วงวันเมย์เดย์สะท้อนถึงภาพใหม่ของการพัฒนาจีน การท่องเที่ยวที่คึกคักสะท้อนว่าชาวจีนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีความปรารถนาดีต่ออนาคตที่สดใส
ตั้งแต่การปฏิรูปเปิดประเทศเป็นต้นมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจีนพัฒนาถึงทุกวันนี้ จีนได้พัฒนาตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่มาของการมีนักท่องเที่ยวและเป้าหมายแหล่งท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของโลก การท่องเที่ยวพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเสาหลักเชิงยุทธศาสตร์ อุตสาหกรรมเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และอุตสาหกรรมความผาสุกที่มีลักษณะเชิงยุคสมัยของจีน และเป็นหนทางการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีลักษณะพิเศษของจีนเอง
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2024/07/03/using-online-platforms-make-china-tourist-cities-stand-out/