กสศ. ชิงเวลาสำคัญ ‘ปิดเทอมใหญ่’ จัดโครงการ ‘โรงเรียนเคลื่อนที่’ พาเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษากลับมาเรียนอีกครั้ง ชี้ช่วงนี้คือหัวเลี้ยวหัวต่อให้เด็กไม่กลับมาเรียน
ช่วงปิดเทอมใหญ่ ในเดือนเมษายนของทุกปี ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เด็ก เยาวชน และครอบครัวยากจน ด้อยโอกาส ตัดสินใจไม่กลับมาเรียน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว การออกจากโรงเรียนมาทำงานหารายได้กลายเป็นทางออกของครอบครัวอย่างไม่มีทางเลือก
จากรายงานข้อมูลล่าสุดในปี 2567 ของ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ พบว่า ประเทศไทยมีเด็กเยาวชนนอกระบบการศึกษา ไม่ได้เรียนหนังสือ ตั้งแต่ช่วงอายุ 3-18 ปี จำนวนทั้งสิ้น 982,304 คน
กสศ.หรือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พบว่า การเข้าไม่ถึงข้อมูลโอกาสการศึกษา และการไม่มีทางเลือกอื่นในการศึกษาเรียนรู้ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ ผู้ปกครองและนักเรียนตัดสินใจไม่ศึกษาต่อ
กสศ.และภาคีเครือข่าย จึงริเริ่ม โครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School เข้าเรียนไม่ได้ให้โรงเรียนไปหา” เพื่อนำทางการเลือกการศึกษาฟรี ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ชีวิตไปหาเด็กเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา
Mobile School น่าสนใจอย่างไร ?
Mobile School เป็นห้องเรียนแนวใหม่ ตอบโจทย์ทุกเงื่อนไขชีวิต จัดการศึกษาโดยเครือข่ายศูนย์การเรียน โดยสถาบันทางสังคม ร่วมกับแหล่งเรียนรู้มากมาย
นอกจากนี้ยังเน้นการ Learn to Earn เรียนรู้ผ่านการทำงาน โดย
- ประสบการณ์ และงานที่ทำอยู่ จะเทียบโอนเป็นหน่วยกิตได้
- ทางเลือกงานสร้างรายได้ใหม่ๆ ได้ประโยชน์ 2 ต่อ เพิ่มรายได้และเทียบโอนความรู้ ประสบการณ์เป็นหน่วยกิต สะสมเป็นวุฒิการศึกษา
- เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
- Anywhere Anytime เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา 24 ชั่วโมง ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ทุกเงื่อนไขชีวิต
ทั้งนี้ กสศ. ได้จัดแคมเปญรณรงค์ “สงกรานต์นี้ กลับบ้าน พาลูกหลานกลับมาเรียน” เชิญชวน ครอบครัว พี่น้องแรงงานที่กำลังกลับบ้านรวมถึง คนไทยทุกคน บอกต่อข้อมูลโอกาสและทางเลือกการศึกษา ไปให้ถึงครอบครัวเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกำลังตัดสินใจจะไม่เรียนต่อ
ตอบโจทย์ นโยบาย Thailand Zero Dropout
Thailand Zero Dropout นโยบายช่วยเหลือเด็กหลุดจากระบบ 1.02 ล้านคนกลับมาเรียน โดยโครงการ Mobile School เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย Thailand Zero Dropout ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์ของระบบการศึกษาไทยที่รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งปัญหาการหลุดออกจากระบบการศึกษาของเด็กและเยาวชนกว่า 1 ล้านคนนั้น ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสและมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ทั้งยังส่งผลต่อความเหลื่อมลํ้าทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้น หากประเทศไทยสามารถพาเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ จะทำให้ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโตได้ถึงร้อยละ 1.7 ต่อปี
โดยมาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ หรือ Thailand Zero Dropout ประกอบด้วย4 มาตรการ คือ
- มาตรการค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ผ่านการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- มาตรการติดตาม ช่วยเหลือ ส่งต่อ และดูแลเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาโดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
- มาตรการจัดการศึกษาและเรียนรู้แบบยืดหยุ่น มีคุณภาพ และเหมาะสมกับศักยภาพของเด็กและเยาวชนแต่ละราย
- มาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมจัดการศึกษาหรือเรียนรู้
คุณสมบัติ และโรงเรียนที่คาราวาน Mobile School ไปถึงในซัมเมอร์นี้
คุณสมบัติต้องเป็นเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 7 -24 ปี จากทั่วประเทศ ที่หลุดจากระบบการศึกษา และไม่สามารถเรียนในโรงเรียนหรือสถานศึกษารูปแบบอื่นได้ เรียนต่อตั้งแต่ช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อตั้งเป้า Save เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาจากทั่วประเทศ ให้กลับมาเรียนได้ทัน เปิดเทอมใหม่ ปีการศึกษ่า 2568 พฤษภาคมนี้
คาราวานโรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School จะได้ตามวันเวลาและสถานที่ ดังต่อไปนี้
วันที่ 10-11 เม.ย. 2568 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือ หมอชิต 2
วันที่ 22 เม.ย. 2568 อบต.หนองสนิท อ.จอมพระ จ.สุรินทร์
วันที่ 24 เม.ย. 2568 ริมรางรถไฟเมืองขอนแก่น
วันที่ 28 เม.ย. 2568 เทศบาลตำบลลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
วันที่ 30 เม.ย. 2568 อบต.ถ้ำเจริญ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ
แหล่งข้อมูล