ภารกิจกู้ภัยน้ำท่วม เมื่อเทคโนโลยีคือคำตอบของการอยู่รอด

Loading

นวัตกรรม เทคโนโลยี และเครื่องมือกู้ภัยที่สร้างสรรค์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงน้ำท่วม ต่อไปนี้คือกรณีศึกษาการใช้งานที่น่าสนใจจากทั่วโลก

1.Jitasa.Care

แอปพลิเคชั่นเว็บ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานระหว่างทีมกู้ภัยด้วยการให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำแผนที่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบยากภัยน้ำท่วมในเชียงราย ระบุประชากรที่เปราะบาง ช่วยปรับปรุงการรับรู้สถานการณ์สำหรับทีมกู้ภัย และให้อาสาสมัครรายงานสภาพและขอรับสิ่งของจำเป็นได้ ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ใช้สามารถรายงานสภาพน้ำท่วม ติดตามการปฏิบัติการกู้ภัย และร้องขอสิ่งของที่จำเป็นได้ ขณะที่อาสาสมัครสามารถให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับการอุดตัน เส้นทางที่ปลอดภัย และความพร้อมของที่พักพิง

แพลตฟอร์มนี้ยังส่งเสริมการสื่อสารระหว่างองค์กรต่างๆ ช่วยให้สามารถแบ่งปันทรัพยากรและจัดการด้านโลจิสติกส์ได้ดีขึ้น ช่วยให้มั่นใจได้ว่าความช่วยเหลือจะไปถึงผู้ที่ต้องการได้เร็วที่สุด โดยแอปฯ เว็บนี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและการระดมทุนจากมวลชนเพื่อเร่งความพยายามในการกู้ภัยและวางรากฐานสำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติที่ดีขึ้นในอนาคต

2.โดรนในริโอแกรนด์ดูซูล

ประเทศบราซิลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การนำโดรนมาใช้ในภารกิจกู้ภัยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในริโอแกรนด์ดูซูล รัฐตอนใต้สุดของบราซิล ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนักเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา การใช้โดรนครั้งนี้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งกล้องความละเอียดสูงที่สามารถบันทึกภาพพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด โดรนสามารถบินสำรวจพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ช่วยทำแผนที่พื้นที่น้ำท่วมด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งยังใช้ระบุผู้ประสบภัยที่ต้องการความช่วยเหลือโดยทันที

กล้องความละเอียดสูงที่ติดตั้งบนโดรนสามารถจับภาพจากมุมสูง ทำให้เจ้าหน้าที่เห็นสภาพแวดล้อมที่ถูกน้ำท่วม รวมถึงสามารถตรวจจับสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย ช่วยให้ทีมกู้ภัยตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระบุเส้นทางการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย การจัดสรรทรัพยากร หรือแม้กระทั่งการวางแผนเคลื่อนย้ายเหยื่อให้ได้รับความปลอดภัย

ทั้งนี้ ปฏิบัติการกู้ภัยที่มีการใช้โดรนได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นภาพรวมของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์อย่างแม่นยำ และจัดลำดับความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ โดรนยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการสำรวจพื้นที่ และลดความเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเผชิญ

3.เทคโนโลยีการคาดการณ์น้ำท่วมของ NASA

การศึกษาล่าสุดเน้นย้ำว่าการลงทุนในท้องถิ่นในการเตรียมรับมือน้ำท่วมอย่างง่ายๆ สามารถป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินจากน้ำท่วมได้มากถึง 70% แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์ดังกล่าวในระดับโลก เราจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ดีขึ้น การสร้างแบบจำลองที่ดีขึ้น และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเผชิญกับน้ำท่วม นั่นเป็นเหตุผลที่กองดาวเทียมสำรวจโลกของ NASA ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และผู้ตัดสินใจปรับปรุงการคาดการณ์ การเตรียมการ การตอบสนอง และการฟื้นตัวจากน้ำท่วม

ความสามารถในการเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อน้ำท่วมของ NASA รวมถึงการสังเกตการณ์จากดาวเทียม ระบบข้อมูล และการสร้างแบบจำลอง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือและเครื่องมือของ NASA ที่ช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่นในสถานการณ์ก่อนน้ำท่วม น้ำท่วมฉับพลัน และหลังน้ำท่วม

โดย NASA ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพัฒนาแบบจำลองเพื่อคาดการณ์น้ำท่วมและสภาพอากาศ ช่วยให้สามารถจำลองและคาดการณ์สภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แม่นยำยิ่งขึ้น และระบบ AI สามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าถึงน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเตรียมการรับมือล่วงหน้า

ขณะที่ ดาวเทียม SWOT (Surface Water and Ocean Topography) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสำรวจแหล่งน้ำทั่วโลก สามารถให้ข้อมูลที่มีความละเอียดสูงเกี่ยวกับระดับน้ำในมหาสมุทรและแหล่งน้ำอื่นๆ ช่วยในการวิเคราะห์และคาดการณ์น้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองจะถูกเปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

4.ปั๊มลอยน้ำ Aquafast

เมื่อพูดถึงน้ำท่วมหลายคนอาจนึกถึงภาพความวุ่นวายน้ำที่ไหลท่วมเข้าบ้านเรือนถนนที่จมอยู่ใต้ผืนน้ำแต่ในวิกฤตนี้เองที่ “ปั๊มลอยน้ำ Aquafast” ได้แสดงศักยภาพของมันในการเป็นผู้ช่วยคนสำคัญช่วยระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วลดความเสียหายให้กับชุมชน

ปั๊มลอยน้ำ Aquafast คือปั๊มระบายน้ำที่ถูกออกแบบมาให้ลอยอยู่บนผิวน้ำได้ ใช้งานได้ทั้งในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่อุตสาหกรรม ปั๊มเหล่านี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้อยู่ในสภาวะน้ำท่วมขัง ตัวปั๊มมีขนาดกะทัดรัด ติดตั้งง่าย และที่สำคัญคือ สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว

ในภาวะที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วมขัง การระบายน้ำให้ทันเวลาถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย ปั๊มลอยน้ำ Aquafast จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาทนี้ ด้วยความสามารถในการสูบน้ำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และต่อเนื่อง ตัวปั๊มทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน และสามารถทำงานได้ดีแม้ในน้ำที่มีเศษขยะหรือสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบให้มีการบำรุงรักษาง่าย ลดภาระงานให้กับผู้ใช้งานในภาวะวิกฤต

5.เครื่องมือกู้ภัยอัจฉริยะ SMART-FORCE

เมื่อพูดถึงการกู้ภัยในสภาวะที่ท้าทายเช่นน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในหลายพื้นที่การมีอุปกรณ์กู้ภัยที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์การทำงานได้อย่างทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยรักษาชีวิตและทรัพย์สินไว้ให้ได้มากที่สุดและนี่คือที่มาของ “SMART-FORCE” อุปกรณ์กู้ภัยใต้น้ำที่ถูกพัฒนาโดย Weber Secure Systems เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเจ้าหน้าที่ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าน้ำท่วมดินถล่มหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินใดๆ ก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ได้รับการออกแบบมาให้ทนทานและแข็งแกร่งเพื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรงสูง ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก หรือน้ำในพื้นที่ที่ถูกปนเปื้อนจากสารเคมี อุปกรณ์นี้ก็พร้อมเสมอที่จะทำงานเคียงข้างเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบที่ใช้งานง่ายและตัวเรือนที่ทนทานและสามารถใช้งานได้ใต้น้ำ ท้้งในน้ำจืด น้ำเค็ม หรือน้ำสกปรกที่ลึกถึง 3 เมตร

ความโดดเด่นของ SMART-FORCE อยู่ที่ฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้ล้ำสมัย ซึ่งรวมไปถึงการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาแต่ทรงพลัง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายตามสถานการณ์ ทั้งยังมีระบบเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

โดยมาพร้อมกับเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมใต้น้ำได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับวัตถุที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำหรือการวิเคราะห์ความหนาแน่นของกระแสน้ำ นอกจากนี้ยังมีระบบกล้องที่สามารถส่งสัญญาณภาพใต้น้ำมายังเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์ ทำให้การวางแผนการกู้ภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบมาให้ทนต่อแรงกดดันของน้ำในระดับลึก ทำให้สามารถใช้งานในสถานการณ์น้ำท่วมที่มีความลึกและความรุนแรงสูงได้อย่างไร้ปัญหา ทั้งยังมีระบบการเชื่อมต่อสื่อสารที่สามารถส่งสัญญาณไปยังศูนย์ควบคุมได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะน้ำท่วมหนักเพียงใด ก็มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปยังทีมกู้ภัยได้อย่างครบถ้วนและทันเวลา

6.ที่พักพิงลอยน้ำ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วน้ำท่วมกลายเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทำให้ “ที่พักพิงลอยน้ำ” กลายเป็นคำตอบแห่งการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่เราอาจไม่คาดคิดนวัตกรรมที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการออกแบบที่สร้างสรรค์เข้าด้วยกันทำให้ที่พักพิงเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่ที่ซุกตัวแต่เป็น “ความหวัง” ของการมีชีวิตรอดในวันที่กลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม

หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นในวงการนี้คือ “Duckweed Survival House” ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นที่พักพิงฉุกเฉินที่สามารถลอยตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมสูงหรือน้ำไหลแรง ที่พักพิงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพืชน้ำชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “Duckweed” หรือแหนน้ำ ที่มีความสามารถลอยน้ำและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว จึงถูกนำมาเป็นแนวคิดในการออกแบบโครงสร้างที่พักที่สามารถปรับตัวตามระดับน้ำได้อย่างชาญฉลาด

ตัวบ้านสร้างจากวัสดุที่มีความแข็งแรงและน้ำหนักเบา เช่น อะลูมิเนียมและพลาสติกที่ทนทานต่อสภาพอากาศ มีฐานลอยที่ใช้เทคโนโลยีโฟมความหนาแน่นสูง ช่วยให้ตัวบ้านสามารถลอยน้ำได้อย่างมั่นคง ภายในบ้านมีพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการพักพิงชั่วคราว โดยถูกออกแบบให้ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหลัก นอกจากนี้ ยังมีระบบกรองน้ำที่สามารถเปลี่ยนน้ำท่วมให้เป็นน้ำสะอาดสำหรับดื่มได้ จึงเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ประสบภัยมีโอกาสรอดชีวิตได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

7.ระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่ใช้ AI

หนึ่งในปัญหาสำคัญที่หลายภูมิภาคต้องเผชิญอย่างหนักคือ “น้ำท่วม” ภัยธรรมชาติที่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้เราไม่ได้เพียงแค่เฝ้ารอให้ฝนหยุดตกแล้วหวังให้โชคชะตาช่วยปกป้องเราแต่เรามี “ระบบเตือนภัยล่วงหน้า” ที่นำเทคโนโลยี AI มาช่วยทำนายและเตือนถึงภัยน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำทันท่วงทีและปกป้องผู้คนจากวิกฤตเหล่านี้

การทำงานของระบบเตือนภัยน้ำท่วมที่ใช้ AI นั้น เป็นการผสานความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับเซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) ซึ่งถูกติดตั้งในจุดต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม เช่น ตามลำธาร คลอง และพื้นที่ต่ำที่มีความเสี่ยง โดยเซ็นเซอร์ IoT เหล่านี้จะตรวจสอบระดับน้ำ ความเร็วในการไหล และปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปยังระบบประมวลผล AI ซึ่งจะวิเคราะห์และทำนายแนวโน้มของระดับน้ำในพื้นที่นั้นๆ

ระบบ AI ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการเรียนรู้ข้อมูลจากการเกิดน้ำท่วมในอดีต ผสานกับข้อมูลสภาพอากาศจากดาวเทียมและโมเดลภูมิประเทศที่ซับซ้อน จึงสามารถคำนวณและทำนายได้ว่าน้ำจะขึ้นสูงถึงระดับไหน ในเวลาที่ใด พร้อมทั้งส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าไปยังผู้ที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยง ทำให้ชุมชนสามารถเตรียมตัวอพยพหรือจัดเตรียมการป้องกันอย่างเหมาะสมและทันเวลา

ที่ญี่ปุ่น Weathernews ใช้ AI ในการพยากรณ์อากาศและน้ำท่วม โดยสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ถึง 3 ชั่วโมง ทำให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติได้ ส่วนสหรัฐอเมริกา Google ได้พัฒนา Flood Hub ซึ่งใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อพยากรณ์น้ำท่วมใน 80 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์ที่เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจากน้ำท่วมจากทะเลเหนือ ได้มีการใช้ระบบเตือนภัย AI เพื่อควบคุมระบบเขื่อนและประตูน้ำอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ IoT ที่ถูกติดตั้งตามแนวชายฝั่งจะตรวจสอบระดับน้ำทะเลและความเร็วลมอยู่เสมอ เมื่อระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลแล้วพบว่าอาจเกิดพายุและน้ำท่วม ระบบจะสั่งการให้ปิดประตูน้ำโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าสู่เมืองอย่างทันท่วงที

8.เครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์

Desolenator เป็นบริษัทนวัตกรรมที่นำเสนอโซลูชันการแยกเกลือออกจากน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อแปลงน้ำทะเลหรือน้ำกร่อยให้เป็นน้ำดื่มสะอาดโดยสามารถผลิตน้ำได้ประมาณ 15 ลิตรต่อวัน

เทคโนโลยีของบริษัทมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชุมชนที่เผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำ รวมถึงชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เนื่องจากเป็นวิธีการฟอกน้ำที่ยั่งยืนและราคาไม่แพงโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิมหรือสารเคมีอันตราย จึงมีความสำคัญสำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แม้ในพื้นที่ห่างไกล ช่วยให้ชุมชนฟื้นตัวจากน้ำท่วมและรับรองการเข้าถึงน้ำสะอาดในช่วงวิกฤต

นอกจากนี้ เทคโนโลยีของ Desolenator ทำงานนอกโครงข่ายไฟฟ้า โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและผลกระทบต่อระบบนิเวศ จึงเป็นโซลูชันที่ยั่งยืนแตกต่างจากวิธีการแยกเกลือออกจากน้ำแบบเดิมที่ใช้พลังงานจำนวนมากและก่อให้เกิดการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่านวัตกรรมเหล่านี้เน้นย้ำถึงความพยายามระดับโลกในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อปฏิบัติการกู้ภัยน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดโลกสำหรับอุปกรณ์ค้นหาและกู้ภัย (SAR) ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีกู้ภัยน้ำท่วม กำลังเติบโตอย่างมาก ในปี 2023 ตลาดมีมูลค่าประมาณ 86,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะถึง 91,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งซึ่งขับเคลื่อนโดยภัยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงน้ำท่วม

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดอุปกรณ์ SAR ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ภัยทางน้ำคาดว่าจะเติบโตจาก 116.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022 เป็น 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 3.5% ภูมิภาคอเมริกาเหนือครองตลาดนี้ โดยคิดเป็น 43% ของมูลค่าตลาดรวมทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลงทุนของรัฐบาลในกทาพัฒนาความสามารถ SAR ขั้นสูง

ส่วนในเอเชียแปซิฟิก พบว่าประเทศต่างๆ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย และบังคลาเทศ มีเขตเมืองที่ขยายตัวอย่างมากจนกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม แนวโน้มนี้ผลักดันให้มีความต้องการเทคโนโลยีการกู้ภัยน้ำท่วมขั้นสูงเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากน้ำท่วมในเขตเมือง

ขณะเดียวกันประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคนี้มีความพยายามอย่างหนักที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการค้นหาและกู้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว การใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรนในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอุปกรณ์ SAR เติบโต

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น เครื่องมือสื่อสารที่ได้รับการปรับปรุง การติดตาม GPS และการบูรณาการโดรน กำลังเพิ่มประสิทธิภาพของปฏิบัติการ SAR ระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วม คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนจากการตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการปฏิบัติการกู้ภัยที่มีประสิทธิภาพ

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2024/09/15/flood-rescue-tech-tool/


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210