ขับเคลื่อน ‘ข้อมูล ESG’ ด้วย AI เปิดประตูสู่โลกสีเขียว

Loading

ในยุคปัจจุบัน ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) กลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน

คำกล่าวที่ว่า “ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ” ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงแต่อย่างใดเลยครับ และยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าข้อมูลโดยเฉพาะด้าน ESG นั้น คือรากฐานของการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ และเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน ข้อกำหนดด้าน ESG มีความซับซ้อนและเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) ที่ต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง ดังนั้น การจัดการข้อมูลในรูปแบบเดิมๆ กลายเป็นอุปสรรคต่อทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความถูกต้อง นอกจากนี้ มาตรฐานและข้อกำหนดต่างๆ อาทิ Global Reporting Initiative (GRI) และ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) รวมถึงข้อกำหนดเฉพาะในแต่ละประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ยังเพิ่มความท้าทายให้กับกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

ด้วยเหตุนี้ ในอนาคตข้างหน้าการใช้เครื่องมือ แพลตฟอร์มหรือซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนโดย AI มาจัดการข้อมูล จึงเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจ ระบบดังกล่าวช่วยลดภาระการนำเข้าข้อมูลด้วยตนเอง ลดความผิดพลาดจากมนุษย์ รวมถึงเพิ่มความแม่นยำในการรายงานข้อมูลทั้ง 3 Scopes ดังนั้นองค์กรจึงสามารถติดตามความคืบหน้าการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญแนวทางนี้ยังช่วยลดต้นทุนการจัดการข้อมูลในระยะยาวด้วย

โดยตลาดซอฟต์แวร์ ESG กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี ค.ศ. 2023 ขนาดตลาดซอฟต์แวร์สำหรับการรายงานข้อมูลด้าน ESG มีมูลค่าประมาณ 940 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งอาจมีมูลค่าถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูล ESG อย่างโปร่งใสและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธุรกิจจึงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในประเทศไทย เราได้เห็นความก้าวหน้าเรื่องแนวทางการรวบรวมข้อมูลด้าน ESG บ้างแล้วแม้ว่าอาจจะยังไม่ได้ขับเคลื่อนโดย AI แบบเต็มระบบแต่นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี นั่นคือ ESG Data Platform ซึ่งเป็นระบบที่ใช้รูปแบบการจัดเรียงข้อมูลที่ชัดเจน (Structured Data) ที่นำเสนอข้อมูลเชิงปริมาณที่สามารถเปรียบเทียบได้ในระดับอุตสาหกรรมและข้อมูลทางการเงินอย่างสะดวก อันจะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลด้านความยั่งยืนนั้นทำได้เป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการนำปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (Generative AI) มาใช้ในกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ESG จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นภาคธุรกิจควรเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจตนครับ

อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการจัดการข้อมูล ESG ในรูปแบบดิจิทัล AI ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการลงทุนในเทคโนโลยีและการพัฒนากระบวนการจัดการข้อมูลที่เหมาะสมเนื่องจากรูปแบบข้อมูลที่หลากหลาย เร็วๆ นี้ มีข่าวว่าบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกประกาศเดินหน้าลงทุนศูนย์ข้อมูลเต็มรูปแบบในประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพยายามของภาคเอกชนในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บข้อมูลของประเทศให้สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น การใช้ระบบที่ขับเคลื่อนโดย AI ในการจัดการข้อมูล ESG ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน ภาคการเงินสามารถมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่มีศักยภาพที่ช่วยลดภาระในการจัดการข้อมูลของภาคธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวในการรายงานดังกล่าว แม้ประเทศไทยจะเพิ่งเริ่มต้นในเส้นทางนี้ แต่แนวทางการใช้ระบบ AI ในการจัดการข้อมูล ESG เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง และอาจกลายเป็นความปกติใหม่ของระบบเศรษฐกิจสีเขียวในอนาคตได้

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/environment/1164914


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210