อธิปไตยทางดิจิทัลกับการครอบงำทางเทคโนโลยี

Loading

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาอธิปไตยทางดิจิทัลของตน การพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและการขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่ง กำลังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้

ความท้าทายประการแรกคือ การพึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกตะวันตก ส่งผลต่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลและทิศทางการค้าออนไลน์ในประเทศกำลังพัฒนา การพึ่งพานี้ทำให้ประเทศเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการควบคุมข้อมูลสำคัญของประเทศและประชาชน นอกจากนี้ยังทำให้ประเทศต้องเผชิญกับการผูกขาดทางการตลาดและการเก็บค่าบริการที่สูง โดยไม่มีทางเลือกอื่นที่ทัดเทียม

ในขณะเดียวกัน การแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ก็ส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา ทำให้หลายประเทศต้องเลือกข้างระหว่างการใช้เทคโนโลยีจากตะวันตกหรือจากจีน ซึ่งแต่ละทางเลือกล้วนมีผลกระทบทั้งด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การตัดสินใจเหล่านี้มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน 5G และระบบการชำระเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียังเป็นอุปสรรคสำคัญ ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ยังขาดแคลนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีคุณภาพ ทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเป็นไปได้ยาก สถานการณ์นี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาสมองไหล เมื่อบุคลากรที่มีความสามารถมักเลือกที่จะทำงานในประเทศพัฒนาแล้วที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานก็เป็นความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน หลายประเทศประสบปัญหาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และมีราคาแพงเกินไปสำหรับประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดช่องว่างทางดิจิทัลระหว่างเมืองและชนบท การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ต้องใช้เงินทุนมหาศาล หลายประเทศจึงต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ ทำให้เกิดภาระหนี้สินและการพึ่งพาทางการเงินในระยะยาว

ด้านกฎหมายและการกำกับดูแล หลายประเทศยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ทำให้ประชาชนและธุรกิจมีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ การพัฒนากฎหมายเหล่านี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและการศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีจากนานาชาติ ควบคู่ไปกับการปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศ

การแข่งขันทางการค้าในยุคดิจิทัลก็เป็นความท้าทายที่สำคัญ ผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนามักไม่สามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดใหญ่จากต่างประเทศ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการเข้าถึงตลาด นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เมื่อบริษัทต่างชาติสามารถใช้ข้อมูลและทรัพยากรขนาดใหญ่ที่มีอยู่เพื่อครอบงำตลาดในประเทศได้อย่างรวดเร็ว

ความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นความท้าทายที่เพิ่มความสำคัญขึ้น เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนามักเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ เพราะมีระบบป้องกันที่อ่อนแอกว่า การโจมตีเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ระบบการเงิน และความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ก็ต้องใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญจำนวนมาก

การพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศยังส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศในมิติอื่นๆ ข้อมูลสำคัญของรัฐบาลและประชาชนอาจถูกจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ การพึ่งพาซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการจากต่างประเทศยังอาจทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะเสี่ยงหากถูกคว่ำบาตรหรือถูกตัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านั้น

ผลกระทบด้านวัฒนธรรมก็เป็นประเด็นที่ไม่อาจมองข้าม การครอบงำของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคสื่อ ค่านิยม และวิถีชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน การรักษาสมดุลระหว่างการเปิดรับวัฒนธรรมโลกและการรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นจึงเป็นความท้าทายสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หลายประเทศกำลังพัฒนาเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของอธิปไตยทางดิจิทัลและกำลังดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา เช่น การลงทุนในการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยี การสร้างศูนย์ข้อมูลในประเทศ การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง ความพยายามเหล่านี้แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวและความมุ่งมั่นในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศในยุคดิจิทัล

การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ การแบ่งปันประสบการณ์ ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญระหว่างกันสามารถช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองและลดการพึ่งพาประเทศมหาอำนาจได้ การรวมกลุ่มในระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนามาตรฐานและนโยบายด้านดิจิทัลร่วมกันก็เป็นอีกแนวทางที่มีศักยภาพ

ท้ายที่สุดแล้ว การแก้ไขปัญหาด้านอธิปไตยทางดิจิทัลให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี การรักษาความมั่นคง และการคุ้มครองสิทธิของประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาอธิปไตยทางดิจิทัลของประเทศกำลังพัฒนาในอนาคต

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/blogs/tech/innovation/1152523


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210