รู้จักแอป ‘DE fence’ เกราะป้องโจรออนไลน์แพลตฟอร์มใหม่

Loading

‘กระทรวงดีอี’ ผนึกกำลัง 16 พันธมิตรร่วม MOU แพลตฟอร์ม ‘DE fence’ ป้องกันโทรศัพท์ – SMS หลอกลวง สกัด “แก๊งคอลเซนเตอร์” พร้อมเปิดใช้ 1 พ.ค. 68 นี้

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงนาม MOU สนับสนุนโครงการ “DE-fence platform” (แพลตฟอร์มกันลวง) เพื่อป้องกัน “แก๊งคอลเซนเตอร์” โทรศัพท์หรือ ส่ง SMS หลอกลวงประชาชน

จากสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 31 มีนาคม 2568 พบว่า มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนทั้งสิ้น 519,000 คดี หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 50,700 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นความเสียหายรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชน และปัจจุบันยังคงเกิดการหลอกลวงโดย “แก๊งคอลเซนเตอร์” อยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการที่มิจฉาชีพได้พัฒนาการก่อเหตุโดยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการหลอกลวงผ่านการโทรศัพท์ และส่ง SMS ถึงผู้เสียหาย

ทั้งนี้ จากการหารือแนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างกระทรวงดีอี กสทช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยฯ สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมได้เห็นชอบในการดำเนินโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มป้องกันการโทรศัพท์หลอกลวง “DE-fence platform” เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มป้องกันการโทรศัพท์หลอกลวง รวมทั้ง ส่ง SMS หลอกลวง

แพลตฟอร์มนี้จะช่วยยืนยันเบอร์โทรศัพท์จากหน่วยงานสำคัญ เช่น ตำรวจ หรือ สถาบันการเงิน เป็นต้น ภายใต้ชื่อ “DE-fence platform” (แพลตฟอร์มกันลวง) ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการใช้งานป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับ DE-fence platform เป็นการบูรณาการ การทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม กสทช. ผู้บังคับใช้กฎหมาย อาทิ ตำรวจ และ กระทรวงดีอี เพื่อสอดรับกับนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ และข้อความสั้น (SMS) หลอกลวง

นายประเสริฐ กล่าวว่า มาตรการนี้ เป็นการป้องกันแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ใช้การโทรศัพท์ และ ส่ง SMS หลอกลวงประชาชน ควบคู่กับมาตรการลงทะเบียนผู้ให้บริการส่ง SMS แนบลิงก์ใหม่ทั้งระบบ และต้องมีการลงทะเบียนทุกๆ ปี เพื่อให้สามารถระบุว่า ผู้ให้บริการ และ ผู้ส่ง SMS คือใคร รวมทั้งการลงทะเบียนการส่ง SMS แนบลิงก์ จะต้องระบุรายละเอียดของข้อความ และลิงก์ เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่าย ตรวจสอบลิงก์ ก่อนที่จะส่ง SMS ไปยังผู้ใช้บริการ (End user)

“การคัดกรองแยกหมายเลขโทรศัพท์ “Blacklist” และ “Whitelist” ออกจากกัน จะเกิดขึ้นไม่ได้หากหลายภาคส่วนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าสถาบันการเงิน ค่ายมือถือ กสทช. ตลอดจน ปปง. โดยมาตรการ “DE-fence platform” นี้ เป็น 1 ในหลายๆ มาตรการ ที่กำหนดขึ้นเพื่อการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งก่อเหตุหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สินของประชาชน ร่วมกับการบังคับใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

สำหรับจุดเด่น ของ DE-fence platform คือ การเชื่อมต่อฐานข้อมูลระหว่างผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อให้ได้ข้อมูลเลขหมายที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด รวมถึงการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของ ตร. ปปง. ศูนย์ AOC 1441 และ กระทรวงดีอี เพื่อใช้ในการเตือนประชาชน ทำให้ประชาชนทราบข้อมูลของผู้โทรศัพท์เข้าว่า เป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ความเสี่ยงของเบอร์โทรศัพท์อยู่ระดับใด ก่อนรับสายหรืออ่านข้อความ SMS รวมถึงสามารถตรวจหาความผิดปกติของ Link ที่แนบมากับ SMS ได้ เมื่อผู้รับต้องการตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีระบบการแจ้งความออนไลน์ และการแจ้งอายัดบัญชีคนร้าย ผ่านโทรศัพท์สายด่วน AOC 1441 พร้อมระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อส่งข้อมูลให้กับตำรวจ ทั้งนี้ระบบจะมีการทำงานแบบ Real time เพื่อเป็นข้อมูลให้กับตำรวจ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ในการวิเคราะห์ และวางแผนในการปราบปราม และป้องกันการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดของมิจฉาชีพได้ทันที

DE-fence platform จะใช้หลักการในการแบ่งสายโทรศัพท์เข้า รวมถึง SMS ที่ได้รับ เป็น 3 กลุ่ม คือ

  1. Blacklist หรือ สีดำ ซึ่งเป็นหมายเลขการติดต่อจากคนร้ายที่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และแนะนำให้ผู้ใช้บริการเลือก Block หรือ ปิดกั้นแบบอัตโนมัติ
  2. Greylist หรือ กลุ่มต้องสงสัย เป็นการติดต่อจากหมายเลขที่ต้องสงสัย อาทิ การติดต่อจากอินเทอร์เน็ต การติดต่อจากต่างประเทศ หรือ หน่วยงานเกี่ยวข้อง หรือ ประชาชนทั่วไปแจ้งว่าเป็นเบอร์ต้องสงสัย โดยระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการได้รู้ถึงระดับความเสี่ยงของสายโทรศัพท์เข้า หรือ SMS ดังกล่าว
  3.  Whitelist หรือ สีขาว เป็นหมายเลขหน่วยงานที่ลงทะเบียนถูกต้อง และได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นหมายเลขของหน่วยงานรัฐ หมายเลขโทรศัพท์ 3 – 4 หลัก เช่น 1111

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา DE-fence platform ในระยะแรกจะเน้นที่เบอร์โทรศัพท์ และ SMS ก่อน โดยเฉพาะ whitelist ที่เป็นของหน่วยงานรัฐ ที่คนร้ายมักใช้ในการหลอกลวงประชาชนก่อน และในระยะต่อไปจะขยาย whitelist ให้ครอบคลุมหน่วยงาน และบริษัทมากขึ้น พร้อมทั้งขยายการป้องกันและแจ้งเตือน ขณะนี้ DE fence อยู่ระหว่างการทดสอบความปลอดภัย และสามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมาก เนื่องจากประเมินว่าจะมีผู้ใช้ประจำ (active users) กว่า 1 ล้านคน

สำหรับการเปิดให้บริการ DE fence แพลตฟอร์ม (BETA version หรือ ระยะทดลอง) จะเริ่มในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ประชาชนหรือผู้สนใจสามารถ download ได้ จากชื่อ “DE-fence” ผ่านทาง google play store และ apple store

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1177597


Fatal error: Allowed memory size of 134217728 bytes exhausted (tried to allocate 20480 bytes) in /home/smartcityt/domains/smartcitythailand.com/public_html/wp-includes/class-wpdb.php on line 2316