เทคโนโลยี AI ที่ก้าวล้ำมาถึงจุดที่สามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจแทนมนุษย์ได้ หรือ Agentic AI (อะเจนติก เอไอ) กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเฉพาะต่อประเด็นเมื่อ AI ซึ่งคิดเอง เกิดตัดสินใจผิดพลาดหรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด จนกลายเป็นมหันตภัยใหม่รุกรานมนุษยชาติ
เวที ETDA Live ซึ่งจัดโดยศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIGC สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองและการรับมือกับความล้ำของ Agentic AI ภายใต้หัวข้อ “เมื่อ AI ตัดสินใจแทนมนุษย์ ใครคือผู้ควบคุม?”
Agentic AI คือ AI ที่รวมความสามารถหลากหลายด้านไว้ในระบบเดียว เทคโนโลยี AI ใหม่ดังกล่าว สามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำเองได้โดยอิสระ (Autonomy) ไม่ใช่แค่ทำตามคำสั่ง แต่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ต่างจาก AI แบบเดิมที่เป็นเพียงระบบอัตโนมัติ (Reactive AI) ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานเฉพาะด้าน ตอบสนองคำสั่งเฉพาะอย่าง เช่น วิเคราะห์ตัวเลข คาดการณ์แนวโน้มตลาด หรือจัดการคำถามลูกค้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ถูกฝึกมา แต่ยังไม่สามารถคิดหาวิธีเลือกสิ่งที่ดีที่สุดหรือตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
ปัจจุบันการพัฒนา AI ถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับตามความสามารถ ได้แก่
1.Logic-based AI คือ AI ที่ทำงานตามคำสั่งหรือเงื่อนไขแบบตายตัว เช่น กด 1 ไปหน้า A, กด 2 ไปหน้า B แต่ยังไม่มีความสามารถในการเรียนรู้หรือปรับตัว
2.Limited Resource AI คือ AI ที่ต้องมีข้อมูลต้นทางมาฝึกฝน มีความสามารถในการเรียนรู้ และตอบสนองต่องานเฉพาะด้าน เช่น AI ที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์แนวโน้ม หรือสร้างคอนเทนต์อย่าง Traditional AI, Machine Learning, LLM หรือ Generative AI แต่ยังคิดเองไม่ได้ ต้องอาศัยข้อมูลที่มีอยู่
3.Theory of Mind AI คือ AI ที่สามารถเรียนรู้ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ได้ ทำให้เริ่มมีความคิดสร้างสรรค์และมีความใกล้เคียงความเป็นมนุษย์มากขึ้น
4.Self-awareness AI คือ AI ที่สามารถเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมและพัฒนาตัวตน สร้างบุคลิกและมีความคิดเป็นของตัวเองได้ เหมือนอย่างที่เห็นกันในหนัง Sci-Fi
ปัจจุบัน Agentic AI ยังอยู่ในช่วงยุคปลายของระดับ 2 ที่กำลังจะก้าวไปสู่ระดับ 3 ในไม่ช้า ในช่วงรอยต่อสำคัญนี้ เริ่มมีการนำ Agentic AI ไปใช้ในหลายธุรกิจ เช่น ภาคการเงิน ที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อ หรือใช้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน, ภาคการค้า นำมาช่วยคาดการณ์ยอดขาย วางแผนการตลาด และบริหารสต๊อกสินค้าแบบอัตโนมัติ, ภาคเทคโนโลยี มีการพัฒนา Agentic AI ให้เป็นผู้ช่วยด้านการเขียนโปรแกรม (Coding Assistant) ที่สามารถวางโครงสร้าง เขียนโค้ด ทดสอบฟังก์ชัน และรันระบบได้ในขั้นตอนเดียว ช่วยลดต้นทุน ลดภาระงาน และช่วยให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้วิจารณญาณที่ AI ยังทำแทนไม่ได้
แหล่งข้อมูล