ธุรกิจพลังงานและการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทำอย่างคู่ขนานไปด้วยกัน แต่หากละเลยเมื่อธุรกิจพลังงานเติบโต แต่สภาพสิ่งแวดล้อมอาจตกต่ำ
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา บ้านปูเดินหน้าตามแผนของกลยุทธ์ Energy Symphonics เห็นได้จากความคืบหน้าของทุกกลุ่มธุรกิจที่มุ่งสร้างกระแสเงินสดและตอบโจทย์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
สำหรับไฮไลท์ผลการดำเนินงานของ3กลุ่มธุรกิจหลักในไตรมาส 1/2568 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานธุรกิจเหมืองสามารถควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน แม้ราคาขายและปริมาณขายลดลงจากความต้องการถ่านหินที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธุรกิจเหมืองในมองโกเลียสามารถผลิตและจำหน่ายถ่านหินส่งออกไปที่จีนได้0.3ล้านตัน เป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเน้นการบริหารประสิทธิภาพการผลิตควบคู่กับการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านราคาเพื่อรักษาความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดBKV dCarbon Venturesซึ่งเป็นบริษัทย่อยของBKVได้ประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเชิงกลยุทธ์ (JV)ร่วมกับกองทุน CI Energy Transition Fund Iภายใต้การบริหารของCopenhagen Infrastructure Partners (CIP)จากประเทศเดนมาร์ก เพื่อร่วมกันออกแบบ พัฒนา และดำเนินธุรกิจดักจับและกักเก็บคาร์บอน(CCUS)ในสหรัฐ เป็นก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจCCUS
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนมีรายได้เพิ่มเติมจากการขายCarbon Emission Allowance (CEA)สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าและยังทำกำไรด้วยแรงหนุนจากความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำตามฤดูกาล และการลดต้นทุนต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่Jinhu Qianfengในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน มีกำลังผลิต120เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนธ.ค.2568
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานลงนามร่วมพัฒนาโครงการระบบกักเก็บพลังงาน‘Kamigumi–Tokyo BESS’โดยBanpu Japan K.K.ร่วมทุนกับKamigumi Co., Ltd.ขนาด8เมกะวัตต์ชั่วโมง คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส2/2571ด้านธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าได้พัฒนาเทคโนโลยีวิเคราะห์การซื้อขายพลังงานด้วยระบบAI และความร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำอย่างEnspiredและGlobal Engineeringเพื่อเสริมแกร่งธุรกิจในระยะยาว นอกจากนั้น ในประเทศเวียดนาม บ้านปู เน็กซ์ และSolarBKได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเร่งขยายธุรกิจโซลาร์หลังคา เน้นลูกค้ากลุ่มโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม และศูนย์ข้อมูล (Data Center)ด้านe-Mobilityได้เปิดตัวบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ชื่อ“PrimeMobility”เพื่อให้บริการเช่ารถEVเชิงพาณิชย์แบบครบวงจร โดยร่วมกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่MarubeniและFuyo Lease Group
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส1/2568มีรายได้จากการขายรวม1,284ล้านดอลลาร์ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA)รวม268ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ14.2ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์
บ้านปูพร้อมยกระดับการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจ และบริหารพอร์ตพลังงานที่หลากหลายด้วยความยืดหยุ่น และยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานแห่งอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน
แหล่งข้อมูล