เมื่อเอ่ยถึง Agentic AI ในตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นหูกันแล้ว เพราะ Agentic AI คือ AI เวอร์ชั่นล่าสุดที่สามารถ “คิด วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำ” ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ได้ในเกือบจะทุกขั้นตอน แตกต่างจาก AI ทั่วไป ที่มักจะต้องทำงานตามคำสั่งหรือสคริปต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
โดย Agentic AI มีความสามารถในการเรียนรู้จากข้อมูลและสภาพแวดล้อม สามารถปรับตัวและดำเนินการเองได้อย่างอิสระเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีหัวใจสำคัญจากการที่ทีมงานของบริษัทได้ทำการวางกลยุทธ์และคิดกรอบกระบวนการอัตโนมัติเริ่มต้นไว้ เพื่อใช้สำหรับการทำงานของ Agentic AI พร้อมทั้งเปิดให้ Agentic AI สามารถเข้าถึงข้อมูลตั้งต้นและนำมาต่อยอด ผ่านระบบที่เชื่อมต่อการทำงาน จนทำให้ Agentic AI ตอบโจทย์การทำงานแบบอัตโนมัติได้นั่นเอง
ในบทความเรื่อง “รู้จัก Agentic AI ดีพอไหม การปรับใช้ Agentic AI กับธุรกิจให้ได้ผลจริง” ที่เรียบเรียงโดย สุดารัตน์ เรืองวิเศษ พนักงานวิเคราะห์ Bangkok Bank SME ได้อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าถ้าเปรียบเทียบ Agentic AI ก็เปรียบเหมือน “พนักงานคนนึงในทีม” ที่ไม่ได้แค่รอรับคำสั่ง แต่สามารถเข้าใจเป้าหมาย วางแผน และจัดการงานด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างง่ายๆ เปรียบเทียบการทำงานของ AI vs. Agentic AI
AI ทำงานเมื่อมนุษย์บอกให้ทำ เช่น ทำการวิเคราะห์ยอดขายเดือนนี้ AI ก็จะส่งรายงานให้ ขณะที่ Agentic AI ทำงานเมื่อเราบอกว่า อยากเพิ่มยอดขาย 20% ภายใน 3 เดือน Agentic AI จะไปวิเคราะห์ปัญหา ค้นหาวิธีการ เสนอแผน และอาจถึงขั้นเริ่มทำการตลาดเบื้องต้นจากข้อมูลที่มนุษย์ป้อนเอาไว้ได้เลย
แล้วการ ปรับใช้ Agentic AI มีประโยชน์ต่อธุรกิจด้านใดบ้าง ? ต่อคำถามนี้ บทความนี้ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
1.เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
โดย Agentic AI สามารถจัดการงานที่ซับซ้อน และต้องการการตัดสินใจหลายขั้นตอนได้เอง เช่น การจัดการ Supply Chain, การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, หรือการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น
2.ช่วยลดต้นทุนและเวลา
ด้วยความสามารถในการทำงานอัตโนมัติและตัดสินใจเองได้ ทำให้ Agentic AI สามารถช่วยลดความจำเป็นในการใช้แรงงานมนุษย์ในงานที่ซ้ำซ้อน ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความเร็วในการดำเนินงานได้มากยิ่งขึ้น
3.ปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง
โดย Agentic AI สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และข้อมูลใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงการทำงานของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี
4.ช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ และตัดสินใจอย่างอิสระ Agentic AI สามารถช่วยธุรกิจในการค้นหาโอกาสใหม่ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ และปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ได้ล้ำยิ่งกว่าเดิม
และถ้าจะวิเคราะห์ถึงประโยชน์ของ Agentic AI ในแง่ของตัวช่วยในการทำธุรกิจ ก็มีหลายด้าน เช่น
- บริการลูกค้า โดย Agentic AI สามารถตอบสนองต่อคำถามและปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์
- วิเคราะห์ข้อมูล ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อค้นหาแนวโน้มและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
- จัดการ Supply Chain สามารถวางแผนและปรับปรุงกระบวนการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการคาดการณ์ความต้องการและจัดการสินค้าคงคลัง
- การเงินและการบัญชี ช่วยในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน วิเคราะห์ความเสี่ยง และเสนอแนวทางในการบริหารจัดการทางการเงิน
อย่างไรก็ดี การ ปรับใช้ Agentic AI ให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่ที่บริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ แต่ละบริษัทจะเลือกนำ Agentic AI เข้ามาใช้พัฒนาและลดระยะเวลาการทำงานในด้านใดบ้าง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ตอบโจทย์ความต้องการได้จริง
โดยจุดเริ่มต้นของการ ปรับใช้ Agentic AI เข้ามาใช้กับธุรกิจ ต้องเริ่มจากการตั้งเป้าหมายธุรกิจ เช่น การอยากลดต้นทุน เพิ่มยอดขาย หรือปรับปรุงบริการ เพื่อให้สามารถวางแผนต่อได้ว่า จะนำเอา Agentic AI เข้ามาช่วยซัพพอร์ทที่จุดไหน จากนั้นต้องทำการสำรวจเวิร์กโฟลว์ มองหาว่างานไหนในองค์กรที่ใช้เวลานาน หรือต้องทำแบบเดิมซ้ำๆ เวิร์กโฟลว์นั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถนำ Agentic AI เข้ามาช่วยลดภาระการทำงานได้
ตามมาด้วยการหาแพลตฟอร์มหรือโซลูชันที่เหมาะสมกับกระบวนการทำงาน (Workflow) อย่างแท้จริง เช่น Jasper, Adept, หรือโซลูชันจาก Google, AWS, NVIDIA ที่เริ่มผสาน Agentic AI เข้ามาแล้ว เมื่อได้โซลูชันที่เหมาะสมก็สามารถนำมาเริ่มทดลองจากการใช้งานในวงเล็กก่อนได้ โดย เริ่มจากแผนกเล็กๆ หรือโปรเจกต์นำร่อง แล้วค่อยขยายไปจน Agentic AI สามารถตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรได้อย่างแท้จริง
สรุปให้เข้าใจแบบง่าย ๆ คือ Agentic AI เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ด้วยความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินการอย่างอิสระ จากการที่ทีมงานได้มีการวางกลยุทธ์ในการใช้งาน พร้อมทั้งเปิดให้ Agentic AI สามารถเข้าถึงข้อมูล (Data) เช่น ข้อมูลลูกค้า, ข้อมูลการขาย, inventory, หรือข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ด้านต่าง ๆ เพื่อทำการเรียนรู้จากข้อมูลเหล่านั้น และนำมาใช้วิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์การทำงานตามคำสั่งได้จริงผ่านระบบที่ใช้เชื่อมโยงการทำงานระหว่าง Workflow ให้เข้ากับระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ตามกรอบกระบวนการทำงานที่ถูกทีมวางไว้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากที่สุด
ดังนั้น บอกเลยว่าธุรกิจที่สามารถนำ Agentic AI มาใช้ได้อย่างเหมาะสม จะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2025/05/26/howto-use-agentic-ai-with-business/