Project Green Light ระบบ AI ไฟจราจรอัจฉริยะจาก Google นำร่องในกทม.

Loading

Google ผนึกกรุงเทพฯใช้ AI ปรับไฟจราจรเรียลไทม์ ลดรถติดและมลพิษ หวังขยายครอบคลุม 200 แยกในปีหน้า ช่วยให้เส้นทางโล่งขึ้นกว่าเดิม 30%

รถติด หนึ่งในปัญหาน่าปวดหัวที่ผู้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เราทราบดีว่าในเส้นทางจราจรไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดกว่าการที่รถต้องจอดหยุดนิ่งยาวนาน เป็นปัญหาทั้งต่อคนใช้รถใช้ถนนทั่วไป ชุมชนในพื้นที่ ตัวเมือง หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อม จึงเป็นเรื่องที่หลายชาติมองหาทางแก้ไขอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นเหตุผลให้ทาง Google นำเสนอแนวทางแก้ปัญหารถติดทั้งหลายด้วย AI

Project Green Light ระบบจัดการไฟจราจรอัจฉริยะด้วย AI

โครงการนี้เกิดขึ้นมาจาก Google Research อาศัยข้อมูลจาก Google Maps ประมวลผลด้วย AI โดยมีจุดหมายเพื่อปรับแต่งรอบเวลาของสัญญาณไฟบนท้องถนนให้สอดคล้องสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ช่วยลดระยะเวลารถติดที่เราต้องรอบนท้องถนนลงถึง 30%

โดยพื้นฐานนอกจากปริมาณรถที่คับคั่ง ไฟจราจรก็เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญทำให้รถติด ทีมวิจัยที่เล็งเห็นปัญหาจึงตั้งเป้าในการบูรณาการข้อมูลการจราจรแล้วนำมาประมวลผลด้วย AI เพื่อลดความหนาแน่นจำนวนรถที่ติดขัด และระยะเวลาที่ต้องเฝ้ารอไฟจราจร ช่วยให้รถสามารถวิ่งผ่านไปตามแต่ละเส้นทางได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอนการทำงานของระบบอาศัยข้อมูลจาก Google Maps ร่วมกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนรถหรือผู้โดยสาร แล้วนำข้อมูลที่ได้มาป้อนให้ AI สร้างแบบจำลองการจราจรในแต่ละแยกและเชื่อมโยงเข้ากับรอบข้าง ข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวล สรุปผล และส่งคำแนะนำเพื่อปรับช่วงเวลาสัญญาณไฟให้เหมาะสมในไม่กี่นาที

ในช่วงทดสอบการใช้งานร่วมกับ 70 ทางแยก ใน 14 เมือง พบว่ามีรถยนต์ขับผ่านเส้นทางกว่า 30 ล้านครั้ง Project Green Light ช่วยให้รถยนต์ที่สัญจรมีอัตราการจอดรอดตรงทางแยกลงได้กว่า 30% พร้อมลดอัตราปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 10% เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและเมืองไปพร้อมกัน แต่นี่เป็นแค่ขั้นต้นด้วยปัจจุบันนี่เป็นโครงการที่กำลังมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ

ประโยชน์ที่มากกว่าความสะดวกจากการใช้งานจริง

แนวคิดในการปรับปรุงไฟจราจรเพื่อแก้ปัญหาการจราจรหนาแน่น นับเป็นความพยายามที่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่โครงการดังกล่าวไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีนักจนไม่ประสบผลสำเร็จ หรือไม่สามารถขยายสเกลครอบคลุมทั้งเมืองจากสองสาเหตุ

ประการแรกเนื่องจากเซ็นเซอร์ที่นำมาใช้ในการตรวจวัดอาจไม่ตรงจุด ตอบสนองได้ไม่เร็วพอ หรือเกิดปัญหาทางเทคนิคจนเก็บข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ข้อสองต่อให้มีประสิทธิภาพเพียงพอจนรวบรวมข้อมูลที่ต้องการได้สำเร็จ ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์ที่สูงก็ทำให้การขยายพื้นที่ใช้งานเป็นไปได้ยาก

แตกต่างจากระบบ Google Maps ที่เก็บข้อมูลการเคลื่อนที่ของรถหรือผู้โดยสารภายใน ข้อมูลทั้งในด้านจำนวน ประเภทรถ ไปจนความเร็วล้วนถูกรวบรวมมาได้ครบถ้วนด้วยเทคโนโลยีจาก Google ทั้งยังเป็นเซ็นเซอร์ที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ภายนอก จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม

อีกหนึ่งประโยชน์ของโครงการนอกจากช่วยระบายการจราจร ลดเรื่องน่าหงุดหงิดบนท้องถนนแล้ว ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การลดก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากการหยุดแช่และเร่งเครื่องขึ้นใหม่ถือเป็นอีกต้นตอการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะ ซึ่ง Project Green Light ก็เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายเมืองทั่วโลกต่างให้ความสนใจระบบนี้และเริ่มนำมาใช้งาน ไม่เว้นแม้แต่ไทย

Project Green Light กับไฟจราจรอัจฉริยะในกรุงเทพฯ

ทางกรุงเทพมหานครได้ประกาศความร่วมมือกับ Google ในการนำโครงการ Project Green Light มาใช้งานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นมา โดยได้ทำการทดสอบระบบนี้เข้ากับแยกไฟจราจรภายในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการจราจรและลดไอเสียรถยนต์ที่ปล่อยออกมาในอากาศ

อีกหนึ่งโครงการจัดการไฟจราจรอัจฉริยะที่ได้รับการผลักดันในกรุงเทพฯ เช่นกันคือ Adaptive control ที่ได้รับการติดตั้งร่วมกับแยกที่มีการจราจรคับคั่งถึง 72 แห่ง ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนระบบควบคุมการจราจร คอยปรับเวลาไฟให้เหมาะสมในแต่ละช่วงอัตโนมัติเพื่อให้การจราจรไหลลื่นที่สุด

ตัวระบบครอบคลุมพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯอยู่หลายแห่งทั้งถนนสุขุมวิท, เพชรบุรี, พระราม 4, พหลโยธิน และสีลม โดยจากการทดสอบเบื้องต้นระบบช่วยให้การจราจรนอกเวลาเร่งด่วนรวดเร็วกว่าเดิม 15% และคาดว่าจะขยายระบบไฟจราจรอัจฉริยะนี้ให้ครอบคลุมกับอีก 200 แยกภายในปีหน้า

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่อาจช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯลงบ้าง

แหล่งข้อมูล

https://www.posttoday.com/ai-today/724810


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210