แนวคิดเทคโนโลยี Biometric กุญแจสำคัญสู่การเดินทางไร้รอยต่อ หนุนการท่องเที่ยวไทยหลังพบยอดเดินทางสงกรานต์เพิ่มขึ้นวันละเกือบแสนคน
หลังเทศกาลสงกรานต์ประเทศไทยปีนี้ (ปี 2568) เป็นไปอย่างคึกคัก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทะลุเฉลี่ยวันละเกือบแสนคน เพิ่มขึ้นกว่า 10% ทำให้ภาครัฐเดินหน้าหนุนท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2568 โดยวันนี้ (16 เม.ย.2568) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.61
สถิติล่าสุดระหว่างวันที่ 6 – 12 เม.ย.2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 666,180 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 64,564 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 10.73 เฉลี่ยวันละ 95,169 คน
ขณะที่การท่องเที่ยวไทยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยสูงถึง 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.27% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้น 13.6% สะท้อนถึงความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้นทั้งจากตลาดเอเชีย ยุโรป และอเมริกา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน อินเดีย และเกาหลีใต้ที่กลับมาเดินทางมากขึ้น ขณะที่เที่ยวบินภายในประเทศ เติบโต 5.7% เป็นผลจากการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและธุรกิจภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากภาครัฐ
แนวคิด Smart Airport จึงเป็นอีกแนวทางเพื่อยกระดับสนามบินไทยสู่มาตรฐาน ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกการเดินทางแบบไร้รอยต่อและเพื่อความปลอดภัย เช่น
ระบบ Automated Border Control (ABC) ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติที่ใช้ Biometric Verification ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถผ่านด่านได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ ลดเวลาในการตรวจสอบเอกสาร และช่วยให้สนามบินรองรับปริมาณนักเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบ Self-Bag Drop จุดฝากสัมภาระอัตโนมัติที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถโหลดกระเป๋าด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่ ลดระยะเวลาการรอและทำให้กระบวนการเช็กอินรวดเร็วขึ้น
ระบบ AI-Powered Security Screening ระบบตรวจสอบความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยสแกนสัมภาระและตรวจจับวัตถุต้องห้ามได้อย่างแม่นยำ ลดเวลาการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยของสนามบิน
ระบบ Real-Time Flight Updates ข้อมูลเที่ยวบินแบบเรียลไทม์ที่เข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันของสนามบิน ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบเวลาเช็กอิน ประตูขึ้นเครื่อง และสถานะเที่ยวบินได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ระบบ Check-in อัตโนมัติ อย่าง ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ถูกนำมาใช้ที่จุดเช็กอิน เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบเอกสาร นักเดินทางสามารถเช็กอินได้อย่างรวดเร็วผ่านตู้ Kiosk หรือแอปพลิเคชัน โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ตหรือบัตรโดยสาร ลดเวลารอคิวได้มากขึ้น
ระบบ Boarding ไร้สัมผัส เทคโนโลยี Facial Recognition ถูกติดตั้งที่ประตูขึ้นเครื่อง (Boarding Gate) ทำให้ผู้โดยสารสามารถผ่านเข้าสู่เครื่องบินได้เพียงแค่สแกนใบหน้า ไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรโดยสารหรือพาสปอร์ต ลดเวลาการรอและเพิ่มความปลอดภัย
ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเร็วขึ้น ระบบ AI และ Biometric Identification ถูกนำมาใช้ที่จุดตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) ช่วยให้การตรวจสอบเอกสารและการระบุตัวตนทำได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ ลดปัญหาคิวแออัดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่มีนักเดินทางจำนวนมาก
อนาคตของการเดินทางจะสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย จากเทคโนโลยี Biometric และ Smart Airport ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักเดินทาง แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสนามบิน ลดปัญหาความแออัด และทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานของสนามบินในไทย เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงใหม่ กำลังทยอยนำระบบ Biometric และ Smart Airport มาใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารให้เทียบเท่าสนามบินระดับโลก ในอนาคต เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกนำมาใช้ในทุกจุดของสนามบิน ตั้งแต่การจองตั๋ว การเดินทางภายในสนามบิน ไปจนถึงการตรวจสอบสัมภาระ ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
แหล่งข้อมูล