โตโยต้า เผยความคืบหน้าการสร้างเมืองอัจฉริยะ “โวเว่น ซิตี้” (Woven City) ในประเทศญี่ปุ่น คาดสร้างเฟสแรกเสร็จสิ้นปี 2567 พร้อมให้บริการปี 2573
โตโยต้า (TOYOTA) เผยความคืบหน้าการสร้างเมืองอัจฉริยะ “โวเว่น ซิตี้” (Woven City) บริเวณภูเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เป้าหมายหลักเพื่อทดสอบเทคโนโลยีล้ำสมัยและตอบโจทย์เมืองยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น โดรน หุ่นยนต์ AI ระบบอัตโนมัติ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2564 กำหนดการก่อสร้างเฟสแรกให้เสร็จสิ้นปี 2567 คาดว่าเมืองจะพร้อมใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2573 เงินทุนก่อสร้างรวมเบ็ดเสร็จ 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 360,000 ล้านบาท
อนาคตเมือง-คมนาคม
เมืองอัจฉริยะกำลังเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในทวีปเอเชีย ด้วยแนวคิดนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้บริหารจัดการเมืองและการดำรงชีวิตของประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่นเดียวกับเมืองโวเว่น กล่าวได้ว่าเป็นเมืองต้นแบบที่มีความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมือง
โวเว่นถูกพัฒนาโดย บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ตั้งอยู่ใกล้บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งเก่าของ Toyota Motor East Japan, Higashi-Fuji ที่ปิดตัวลงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พื้นที่เมืองประมาณ 442 ไร่และมีประชากรราว 2,000 คน ประกอบด้วยพนักงานของโตโยต้า นักวิจัย สตาร์ตอัป ผู้ประกอบการ และผู้อยู่อาศัยทั่วไป
บริษัทต้องการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ท่ามกลางธรรมชาติและเทคโนโลยี ภายในเมืองมีการวางระบบอัจฉริยะต่างๆ ประกอบไปด้วย
1 ยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) โวเว่นจะเป็นสนามทดสอบสำหรับยานยนต์ไร้คนขับของโตโยต้า โดยจะติดตั้งเซนเซอร์และระบบนำทางบนท้องถนนชื่อ อีพาเลตต์ (E-palettes) โดยจะรวบรวมข้อมูลจากการใช้รถยนต์ไร้คนขับ ที่มีเซนเซอร์บนถนนทั่วเมือง เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของยานยนต์ไร้คนขับ
2 โครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ (Smart Infrastructure) เมืองจะมีการติดตั้งระบบสาธารณูปโภคแบบดิจิทัล ได้แก่ ระบบไฟฟ้า ประปา และการจัดการขยะที่สามารถตรวจสอบและควบคุมผ่านเทคโนโลยีออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย
3 บ้านอัจฉริยะและเมืองอัจฉริยะ (Smart Homes & City) บ้านพักอาศัยและอาคารต่างๆ จะติดตั้งเซนเซอร์ควบคุมการใช้พลังงาน รวมถึงมีระบบความปลอดภัยและการดูแลผู้สูงอายุผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
4 พลังงานสะอาด (Clean Energy) จากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานจากธรรมชาติ รวมถึงเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานหลัก เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เมืองโวเว่นมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 50% ของพื้นที่ทั้งหมด
5 ดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ (Data & AI) เมืองจะใช้ระบบรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากเซนเซอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อบริหารจัดการและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยปัญญาประดิษฐ์
รายงานจากเว็บไซต์โครงการโวเว่นระบุว่า แนวคิดด้านการคมนาคมของโตโยต้า มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มมูลค่าของรถยนต์ รวมไปถึงการขยายขอบเขตการออกแบบรถยนต์เป็นระบบไร้คนขับและระบบอัจฉริยะขั้นสูงที่มากขึ้น แต่ยังคงคำนึงถึงของความปลอดภัยของผู้ใช้งานและต้องเป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม
ไทยอยู่ส่วนไหนของเมืองอัจฉริยะ
สำหรับประเทศไทยยังไม่มีโครงการพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” ขนาดใหญ่ที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว หากแต่มีการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในเมืองต่างๆ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทย ยกตัวอย่าง
1 โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระยอง (RSMU) เป็นความร่วมมือระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับบริษัทเอกชนชั้นนำหลายแห่ง อาทิ หัวเว่ย ปตท. ทีโอที เป็นต้น มีเป้าหมายพัฒนาระยองให้เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทย
2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (ไทยซายน์พาร์ค) บริษัทเอกชนอย่างกลุ่มพีทีทีร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาพื้นที่แห่งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งชาติ โดยนำระบบเมืองอัจฉริยะมาใช้
3 โครงการสมาร์ตทาวน์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ บริษัทไอซีทีชั้นนำหลายแห่ง เช่น หัวเว่ย เอไอเอส เดลล์ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาพื้นที่ศึกษาให้เป็นต้นแบบ “สมาร์ตทาวน์” ด้วยการนำระบบอัจฉริยะและเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้
4 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) บริษัทเอกชนหลายแห่งร่วมทุนพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมแห่งใหม่สำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยี โดยนำระบบอัจฉริยะมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อสร้างรูปแบบเมืองแห่งอนาคต
ทั้งนี้ ไทยยังมีพื้นที่คลัสเตอร์เขตเศรษฐกิจพิเศษที่เปิดรับนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง (EECi) ซึ่งแตกต่างจาก Woven City บางประเด็น แต่ทั้งสองโครงการล้วนเป็นผลมาจากแนวคิดการพัฒนาเมือง อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบทเรียนระหว่างกัน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
แหล่งข้อมูล