“เกาหลีใต้” มารัวๆ พลิกโฉมประเทศสู่ Smart Nation

Loading

“ธนาคารโลก” หรือ World Bank ได้เคยออกมาระบุ ว่านโยบาย Digital ID จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในทางเศรษฐกิจ หากชาติใดชิงลงมือก่อน ประเทศนั้นจะได้เปรียบมาก สอดคล้องกับ McKinsey & Co. ที่มองว่า นโยบาย Digital ID จะสามารถช่วยกระตุ้น GDP ได้มากถึง 13%

เนื่องจากนโยบาย Digital ID จะเข้ามาช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน รวมถึงช่วยลดต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบาย Digital ID จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ

โดย “เกาหลีใต้” ได้ประกาศแผนการนำ Blockchain แบบ Decentralized มาใช้กับ ID Card เพื่อการระบุตัวตนแบบ Digital แทนการใช้บัตรประชาชนในปีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า จะมี “พลเมืองเกาหลีใต้” มากถึง 45 ล้านคนที่จะเข้าร่วมทันที

โดย “เกาหลีใต้” จะนำ ID Card ไปวางไว้บน App สมาร์ทโฟน โดยมีกลไกการทำงานในลักษณะเดียวกันกับบัตรประชาชนแบบเดิม

นโยบายดังกล่าว ถือเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจ Digital อย่างเป็นรูปธรรม โดย Digital ID ดังกล่าว จะทำงานบนเทคโนโลยี Blockchain ดังได้กล่าวไป

ทั้งนี้ แผนการระบุตัวตนแบบ Digital ของ “เกาหลีใต้” จะทำงานอยู่บน Blockchain แบบกระจายศูนย์ หรือ Decentralized ซึ่งหมายถึง “รัฐบาลเกาหลีใต้” จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึง Digital Footprint ในแง่ของการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำแหน่งของการใช้งานต่างๆ ที่อยู่ในโทรศัพท์ได้

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดี ว่าการระบุตัวตนแบบ Digital ID นอกจากจะช่วยลดความยุ่งยากในการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจยังจะเกิดขึ้นตามมาอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเงิน สุขภาพ การจัดเก็บภาษีอากร เป็นต้น

*โดยมีการประเมินว่า “เกาหลีใต้” จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก Digital ID ได้มากถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 3% ของตัวเลข GDP ในหนึ่งทศวรรษเลยทีเดียว

นอกจากนโยบาย Digital ID แล้ว “เกาหลีใต้” ยังดำเนินมาตรการทดสอบการใช้งาน CBDC ในปีนี้อีกด้วย โดยทางการ “เกาหลีใต้” ได้ออกแถลงการณ์ เพื่อเตรียมเปลี่ยนผ่านรูปแบบโครงสร้างทางการเงินไปสู่ระบบ Digital พร้อมการใช้งาน CBDC โดยจะมีการทดสอบการใช้งานกับประชากร 100,000 คน ในไตรมาส 4 ปี ค.ศ. 2024 นี้ ซึ่งจะค่อยๆ ดำเนินการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบการเงินสมัยใหม่ ถือเป็นก้าวสำคัญในเรื่องการนำสกุลเงิน Digital มาใช้เลยทีเดียว

โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง “ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี” หรือ Bank of Korea (BOK) กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ (Ministry of Finance and Economy) Financial Services Commission และ Financial Supervisory Service โดยชาวเกาหลีใต้ 100,000 คน จะสามารถใช้ Token สกุลเงิน Digital ของธนาคารกลาง (CBDCs) ได้ในไตรมาสที่ 4 ปี ค.ศ. 2024 นี้

ภายใต้โครงการนำร่องนี้ ผู้เข้าร่วมที่ได้รับการคัดเลือก จะสามารถซื้อสินค้าโดยใช้สกุลเงิน Digital ได้ ซึ่งการดำเนินงาน จะมีกิจกรรมคล้ายกับธุรกิจบัตรกำนัลในร้านค้าปลีก ซึ่งการรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการนำร่อง คาดว่าจะเริ่มประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมปี ค.ศ. 2024 โดยขั้นตอนการทดสอบจะกินระยะเวลานาน 3 เดือน

“ธนาคารแห่งประเทศเกาหลี” หรือ Bank of Korea (BOK) ย้ำว่า สกุลเงิน Digital ดังกล่าว จะเสริมศักยภาพในการแก้ปัญหาระบบโครงสร้างทางการเงินในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น การแก้ Pain Points ในเรื่องต่างๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูง กระบวนการชำระเงินที่ช้า ข้อจำกัดในการตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลัง และความกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกง

นอกจากนี้ โครงการ Digital Won ยังได้รับการประเมินที่ดีสำหรับแนวทางเกี่ยวกับระบบการเงินในอนาคต โดยเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น เชจู ปูซาน หรืออินชอน ถูกกำหนดให้เป็น “เมืองนำร่อง” เพื่อการทดสอบในเบื้องต้น เพื่อปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน และการเกิดขึ้นของนวัตกรรมทางการเงินในอนาคตของ “เกาหลีใต้” ต่อไป

นอกเหนือจากนโยบาย Digital ID และมาตรการทดสอบการใช้งาน CBDC แล้ว “เกาหลีใต้” ยังให้ความสนใจ WEB3 รวมถึง Metaverse ด้วย โดยก่อนหน้านี้ เมืองชางวอน และเมืองซองนัม ได้มีการลงทุนสร้างศูนย์อุตสาหกรรมขึ้นมาใหม่ใน Metaverse เพื่อส่งเสริมธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ของเมือง

ขณะที่กรุงโซล เมืองหลวง ได้ประกาศแผน 5 ประการ เพื่อสร้างแบบจำลองของเมืองใน Metaverse โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2024

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2024/02/09/south-korea-smart-nation/


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210