“เกาะเสม็ด” เป็นที่รู้จักดีของนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปที่เกาะเสม็ดมากกว่า 1 ล้านคน ทำให้เกิดรายได้และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
อีกทั้งเกาะเสม็ดยังได้รับอานิสงส์จากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน การจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่
แต่ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรในพื้นที่ ส่งผลให้ปริมาณขยะมูลฝอยและของเสียเพิ่มมากขึ้น การวางแผนจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ EEC อย่างเป็นระบบ รวมถึงพื้นที่ชายฝั่งทะเลและเกาะต่างๆ อย่างเกาะเสม็ด จึงเป็นโจทย์สำคัญไม่น้อยไปกว่าการมุ่งพัฒนาทางเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุนและการท่องเที่ยว
ปัญหาสำคัญในการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่เกาะเสม็ด อาจไม่ต่างจากปัญหาในพื้นที่อื่นๆ คือ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่มีการคัดแยกขยะที่ต้นทาง
ส่งผลให้ขยะบางส่วนที่น่าจะสามารถรีไซเคิลหรืออัปไซเคิลเพื่อเพิ่มมูลค่าไม่สามารถทำได้ เพราะปนเปื้อนกับขยะประเภทอื่นโดยเฉพาะขยะอาหาร ทำให้สูญเสียโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการส่งเสริมการคัดแยกขยะที่ต้นทางในเขตท่องเที่ยวของ EEC เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และมูลนิธิเสนาะ อูนากูล จึงมีเป้าหมายส่งเสริมให้ทั้งคนในพื้นที่เกาะเสม็ดและผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวมีการคัดแยกขยะที่ต้นทางเพิ่มขึ้น โดยนำแนวคิดเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral economics) มาใช้วิเคราะห์ปัญหาและพัฒนามาตรการส่งเสริมการคัดแยกขยะที่ต้นทางเพิ่มขึ้น
จากการหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เกาะเสม็ด ทั้งตัวแทนชาวบ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก พบว่ามีหลายปัจจัยที่เป็นอุปสรรคทำให้ครัวเรือนยังไม่มีการคัดแยกขยะเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการขาดอุปกรณ์รองรับขยะที่ได้รับการคัดแยก ข้อจำกัดด้านพื้นที่ภายในที่พักอาศัย ราคารับซื้อขยะรีไซเคิลที่ไม่จูงใจ
ขณะที่อุปสรรคของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก คือ ความกังวลด้านภาพลักษณ์ของธุรกิจในมุมมองของนักท่องเที่ยว การขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวทางการใช้ประโยชน์ขยะที่ได้รับการคัดแยกแล้ว เหตุปัจจัยเหล่านี้ทำให้ทั้งครัวเรือนและผู้ประกอบการธุรกิจที่พักในพื้นที่เกาะเสม็ด จึงยังไม่ได้คัดแยกขยะเป็นวงกว้าง มีเพียงบางรายที่มีการคัดแยกขยะเป็นประจำ
งานศึกษานี้นำแนวคิดเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมมาใช้ในการออกแบบมาตรการส่งเสริมการคัดแยกขยะที่ต้นทาง และใช้เครื่องมือการทดลองภาคสนาม โดยใช้วิธีการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trial : RCT)
ในการทดสอบว่ามาตรการใดที่ส่งผลให้ครัวเรือนและผู้ประกอบการธุรกิจที่พักที่เข้าร่วมการทดลองภายใต้การศึกษานี้คัดแยกขยะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ภายใต้งานศึกษานี้มีครัวเรือน 140 ครัวเรือน และผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก 60 แห่ง เข้าร่วมการทดลองเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยเดือนแรกเป็นช่วงการเก็บบันทึกข้อมูลน้ำหนักขยะ ที่กลุ่มตัวอย่างได้ “คัดแยกขยะที่ต้นทาง” ก่อนที่จะได้รับมาตรการแทรกแซงในเดือนที่ 2-3
โดยสำหรับกลุ่มตัวอย่างระดับครัวเรือนจะได้รับอุปกรณ์ที่ใช้คัดแยกขยะรีไซเคิลในรูปแบบของถุงปุ๋ย และการให้ข้อมูลการแปลงปริมาณขยะที่ได้รับการคัดแยกเป็นเงินสมทบทุนในการจัดหาอุปกรณ์สำหรับจิตอาสา
สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก มาตรการแทรกแซงที่ใช้ในการทดสอบ ได้แก่ การมอบใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมและคัดแยกขยะจนจบโครงการ และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ขยะรีไซเคิลหรือเส้นทางการจัดการขยะ (Waste journey)
ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มครัวเรือนและกลุ่มผู้ประกอบการฯ ที่ไม่ได้รับมาตรการแทรกแซงใดๆ เลย เพื่อใช้ทดสอบประสิทธิผลของมาตรการแทรกแซงในการส่งเสริมการคัดแยกขยะที่ต้นทางด้วย
ผลจากการทดลองพบว่า มาตรการที่สามารถช่วยให้เกิดการคัดแยกขยะรีไซเคิลและขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นในระดับครัวเรือน คือ การให้อุปกรณ์ที่ใช้คัดแยกขยะรีไซเคิล และการให้อุปกรณ์ควบคู่กับการให้ข้อมูลฯ ขณะที่ผลทดลองของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่พัก พบว่า การมอบเกียรติบัตรฯ เป็นมาตรการที่ช่วยส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะรีไซเคิลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หน่วยงานและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถนำผลที่ได้จากการทดลองไปขยายผลต่อในพื้นที่อื่น สำหรับการส่งเสริมการคัดแยกขยะที่ต้นทางสำหรับกลุ่มครัวเรือน ทาง อปท.อาจร่วมมือกับภาคเอกชนจัดหาอุปกรณ์สำหรับใช้คัดแยกขยะภายในที่พักอาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับครัวเรือน
และในขณะเดียวกันทาง อปท.ควรพิจารณาจัดเก็บขยะที่ครัวเรือนช่วยคัดแยกที่ต้นทาง โดยแยกประเภทและมีแนวทางการใช้ประโยชน์จากขยะดังกล่าวที่ชัดเจน และสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์ให้คนในพื้นที่รับทราบอย่างทั่วถึง
ส่วนการส่งเสริมผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้มีการคัดแยกขยะที่ต้นทางเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาสร้างแรงจูงใจโดยการมอบเกียรติบัตรเพื่อเชิดชูเกียรติ เนื่องจากผู้ประกอบการฯ ให้ความสำคัญกับด้านภาพลักษณ์ของธุรกิจในมุมมองของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะปัจจุบันมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำมากขึ้น
ภาพฝันในอนาคตที่อยากเห็นคือ การมีแหล่งท่องเที่ยวที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมบริเวณแหล่งท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืนและสวยงาม ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายในสังคม
บทความนี้อ้างอิงงานวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากมูลนิธิเสนาะ อูนากูล
แหล่งข้อมูล