East Japan Railway บริษัทผู้ให้บริการรถไฟรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จะเริ่มทดสอบรถไฟที่ใช้ “พลังงานไฮโดรเจน” ขบวนแรกของประเทศ ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ ที่ต้องการก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2050 หรือพูดง่าย ๆ คือ ก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 นั่นเอง

สำหรับรถไฟพลังงานไฮโดรเจนนี้ มีชื่อว่า “ไฮบาริ (Hybari)” หรือย่อมาจาก Hydrogen-Hybrid Advanced Rail Vehicle for Innovation เกิดขึ้นจากการที่ East Japan Railway ร่วมมือ Toyota Motor และ Hitachi ในการพัฒนา ซึ่งใช้เงินไปกว่า 4,000 ล้านเยน (ราว 1,120 ล้านบาท)

โดยรถไฟไฮโดรเจนนี้ สามารถวิ่งได้ถึง 140 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อการเติมไฮโดรเจนเพียงครั้งเดียว และมีรูปแบบการทำงาน ที่คล้ายกับรถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ก็คือการที่ไฮโดรเจนทำปฏิกิริยาทางเคมีกับออกซิเจน จนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้า และนำไปกักเก็บที่แบตเตอรี่ จึงนับว่า เป็นยานยนต์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งนั่นเอง

จุดประสงค์ของการพัฒนารถไฟพลังงานไฮโดรเจนนี้ ก็เพื่อนำมาใช้แทนรถไฟที่ใช้พลังงานดีเซล หรือพลังงานน้ำมันที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจในฐานะพลังงานทดแทน เพราะไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ และยังสามารถผลิตและนำมาใช้ใหม่ได้ง่ายด้วย

โดย East Japan Railway จะนำมาใช้ โดยให้เริ่มมีการทดลองก่อนในรถไฟสาย Nanbu และอีก 2-3 แห่งในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ก่อนที่จะนำมาใช้จริงในเชิงพาณิชย์ ภายในปี 2030 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า รวมถึงยังมองหาตลาดต่างประเทศที่ต้องการ เพื่อส่งออกด้วย

สำหรับรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตั้งเป้าว่า ในปี 2050 ประเทศจะมีการใช้พลังงานไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านตัน โดยบริษัทหลาย ๆ บริษัท ก็พยายามที่จะทำให้ราคาด้านไฮโดรเจนถูกลง เพื่อให้เกิดการใช้งานมากขึ้น

อย่างไรก็ดี รถไฟที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ไม่ได้เพิ่งมีการพูดถึง และใช้งานในญี่ปุ่นเป็นที่แรก ก่อนหน้านี้ ที่เยอรมนี บริษัท Alstom ได้เปิดตัวรถไฟที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนไปแล้ว เมื่อปี 2018 และปัจจุบัน บริษัท Siemens และ Deutsche Bahn กำลังพัฒนารถไฟพลังงานไฮโดรเจนในระดับภูมิภาค และสถานีเติมไฮโดรเจน ที่จะมีการทดลองใช้งานในปี 2024 ด้วย

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4811621012263585/