ล่าสุด ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ประกาศปิดโรงงานซายามะ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานแม่ของฮอนด้า ในจังหวัดไซตามะ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโตเกียว
โดยการปิดโรงงานครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการผลิตแต่รถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2040 รวมไปถึงการลดต้นทุนคงที่ของบริษัท และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และทางฮอนด้ายังทำการลดกำลังการผลิตรถยนต์เหลือเพียง 800,000 คัน/ปี ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงกว่า 40% จากช่วงพีกในปี 2002
ทั้งนี้ การปรับลดส่วนใหญ่ เกิดขึ้นจากการหยุดการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป (รถยนต์ประกอบเสร็จทั้งคัน) ที่โรงงานซายามะ ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเดิมทีโรงงานแห่งนี้สามารถผลิตรถยนต์ได้ถึง 250,000 คัน/ปี แต่ในตอนนี้ โรงงานจะยังเปิดเพื่อผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์บางชนิดอยู่ และคาดว่าภายในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า จะสามารถปิดโรงงานได้แบบสมบูรณ์
ส่วนการดำเนินงานของฮอนด้า รวมถึงพนักงานในโรงงานเดิม จะถูกถ่ายโอนและมอบหมายหน้าที่ใหม่ที่โรงงานโยริอิ ของฮอนด้าในจังหวัดไซตามะ และอาจมีการย้ายพนักงานไปยังสถานที่อื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้ประกาศลดต้นทุนอื่น ๆ ในปีที่ผ่านมา เช่น การนำระบบการพัฒนารถใหม่มาใช้ และการยกเลิกโปรแกรมการแข่งรถฟอร์มูลาวัน
โดยเหตุผลที่ทางฮอนด้าต้องพยายามลดปริมาณการผลิตลง นอกเหนือจากเรื่องเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2040 แล้ว ก็มาจากการที่ตลาดในญี่ปุ่น มีส่วนแบ่งยอดขายน้อยกว่าตลาดทั่วโลก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น ในปีงบประมาณ 2018
– ฮอนด้า ขายรถยนต์ในญี่ปุ่นได้ 740,000 คัน คิดเป็น 14% ของยอดขายทั้งโลก
– โตโยต้า ขายรถยนต์ในญี่ปุ่นได้ 2.29 ล้านคัน คิดเป็น 22% ของยอดขายทั้งโลก
แต่หากมาดูตลาดต่างประเทศ
– ฮอนด้า ขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ไปกว่า 1.61 ล้านคัน คิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมด
– ฮอนด้า ขายรถยนต์ในจีน ไปกว่า 1.46 ล้านคัน คิดเป็น 28% ของยอดขายทั้งหมด
เนื่องจากฮอนด้า มียอดขายในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงจำเป็นต้องมีระบบการผลิตที่เป็นสากลมากขึ้น รวมถึงรถยนต์ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น ก็ไม่จำเป็นต้องผลิตภายในประเทศ เช่น การผลิตรถยนต์รุ่น Accord ก็ดำเนินการผลิตที่ประเทศไทยเช่นกัน
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4767547950004225/