บอกลา “จ่าหน้าซอง” ไปรษณีย์ไทย เล็งใช้แค่เลขหกหลักแทนชื่อ ที่อยู่

Loading

ปณท ก้าวสู่ปีที่ 141 เตรียมนวัตกรรมใหม่ Digital mailbox, D/ID และอื่นๆ เปลี่ยนองค์กรสู่ Information Logistics ชูการปรับแนวคิด ESG สู่กำไรและผลกระทบทางเศรษฐกิจได้จริง

วันที่ 21 สิงหาคม 2567 ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ จำกัด กล่าวแสดงวิสัยทศน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 141 ปี ไปรษณีย์ไทย ถึงกรอบแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหลัก 3S Strong เพิ่มความเชื่อมั่น Start เริ่มปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้มี New S-Curve และ Sustain ที่ ปณท ดำเนินการด้าน ESG + E มาอย่างต่อเนื่องจนพลิกเป็นรายได้ กำไร และส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจได้จริง สามารถสร้างความยั่งยืนได้

ในเรื่องของความแข็งแกร่งของโครงข่ายไปรษณีย์ ที่เข้าถึงทุกที่ พร้อมกับการบริหารเส้นทางและควบคุมฟลีตขนส่ง ทำให้ควบคุมต้นทนและคุณภาพได้ โดยเปลี่ยนจากการบริการแบบ Self Centric ที่ทุกคนต้องเข้าหา ปณท ไปสู่การที่ ปณท ออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและประชาชน

นอกจากโครงข่ายเชิงกายภาพที่แข็งแกร่งแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกและพฤติกรรมขอฃผู้คนเข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว ปณท เองก็ต้องปรับตัวนำนวัตกรรมและบริการหลายด้านเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Digital Mailbox ที่แจ้งเตือนผู้รับจดหมายผ่านแอป (ปกติจดหมายที่ไม่ได้ส่ง EMS จะไม่มีการโทรแจ้งผู้รับ ส่วนใหญ่เป็นจดหมายธุรกิจ)

สิ่งที่จะได้เห็นในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คือการปรับใช้ D/ID ซึ่งจะให้ผู้โหลดแอป และทำ KYC กับ ปณท เรียบร้อยแล้ว สามารถขอรหัส 6 หลักซึ่งเป็นตัวเลขผสมตัวอักษร

รหัส 6 หลักนี้ จะใช้แทนข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ ซึ่งปกติจะต้องเขียนลงจ่าหน้าซองเพื่อนำส่ง แต่เมื่อใช้รหัสนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องแจ้งชื่อที่อยู่ แค่ส่งรหัสนี้ให้ต้นทาง ปณท จะจัดส่งให้ถึงที่

ซึ่งจะสะดวกแก่การส่งจดหมาย หรือการค้าออนไลน์ เพราะสะดวกไม่ต้องเขียนข้อมูลส่วนตัวมาก และไม่ต้องโชว์ข้อมูลส่วนตัวให้ใครเห็น

การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้ ปณท ไม่ได้เป็นแค่บริษัท Logistic แต่จะเป็น Information Logistics ที่นำส่งข้อมูลให้ผู้คน

Information Logistics

ไปรษณีย์ไทยมุ่งที่จะก้าวสู่การเป็น Information Logistics มีบริการ Prompt Post บริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการยุคดิจิทัล โดยมี 4 บริการหลัก คือ Trust Service การรับรองและลงลายมือชื่อบนเอกสารดิจิทัลด้วยใบรับรองดิจิทัลและกุญแจส่วนบุคคล

Digital Postbox การจัดเก็บเอกสารสำคัญได้อย่างรวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ One-stop service การสนับสนุนการให้บริการของภาครัฐและภาคเอกชนผ่านช่องทางดิจิทัล ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว Prompt pass บริการจัดเก็บเอกสารสำคัญส่วนบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งข้อมูลระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน บริการ Postman Cloud ที่ใช้ความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์ที่มีกว่า 25,000 คนทั่วประเทศ

ให้บริการในรูปแบบ Postman as a Service เช่น Survey บริการเก็บข้อมูลและสำรวจทรัพย์ Express บริการ รับ-ส่ง สิ่งของ แบบ Point to Point ตามความต้องการของลูกค้า/พันธมิตร Matching บริการเชื่อโยง Demand และ Supply อีกหนึ่งบริการสำคัญ คือ D/ID (ดีไอดี) ซึ่งเป็น Digital Post ID ส่วนบุคคล ในรูปแบบการจ่าหน้าแบบใช้รหัส ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการจัดส่งสิ่งของ บอกพิกัดแนวดิ่งได้ทำให้สามารถระบุปลายทางโดยอัตโนมัติ

นอกจากธุรกิจใหม่ที่ไปรษณีย์พร้อมเดินหน้าแล้ว กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลัก ยังเน้นการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและมองหาลูกค้าใหม่ รวมทั้งการเข้าไปเป็นผู้ขนส่งให้กับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น แพลตฟอร์ม Tiktok Shopee และ Lazada โดยบริการที่มีการเติบโตโดดเด่นสุดคือ บริการส่งด่วน EMS ในประเทศ ที่มีปริมาณสิ่งของฝากส่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 12.92% จากแรงบวกของการค้าออนไลน์ ค้าปลีก และความน่าเชื่อถือของบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย ตอบสนองรูปแบบการส่งได้หลากหลายประเภท และยังเติบโตในด้านเครือข่ายจุดให้บริการที่มีถึง 50,000 แห่งทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของภาคเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ESG ที่สร้างผลต่อเศรษฐกิจได้จริง

ดร. ดนันท์ ยังกล่าวด้วยว่า ในการเข้าสู่ 141 ปี ปณท พร้อมมุ่งสู่แผนงานสร้างการเติบโตด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กรที่พร้อมส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ – Delivering Sustainable Growth through Postal Network โดยได้วางกรอบการดำเนินงานที่จะเป็นผู้ให้บริการขนส่งและสื่อสารที่ขับเคลื่อนระบบงานต่างๆ ด้วยหลัก ESG+E คือ Environment, Social, Governance และ Economy ผ่านแผนงานทั้งใน

ระยะสั้นและระยะยาว

ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2573 และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593 และในไตรมาส 4 ของปีนี้จะมีการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบงานไปรษณีย์เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 85% ภายในปี 2573 ครบทั้งหมด 100% ภายในปี 2583 และยังอยู่ระหว่างยังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้กับระบบขนส่งเพิ่มเติม

ด้านสังคม สร้างชุมชนที่ยั่งยืนด้วยโครงการ “ไปรษณีย์เชื่อมสุข” ที่มุ่งสร้างงาน สร้างอาชีพ และเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังชุมชนที่สำคัญเพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า ให้กลุ่มเกษตร กลุ่ม SMEs และกลุ่มเปราะบางทางสังคมผ่านแพลตฟอร์ม ThailandPostMart โดยที่ผ่านมาช่วยสร้างรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทยทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์มากกว่า 600 ล้านบาท/ปี และตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้สนับสนุนเกษตรกรไทย ในการขนส่งผลไม้และพืชผลทางการเกษตร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 100,000 ตัน ครึ่งปีแรกของปี 2567 นี้มีปริมาณการฝากส่งผลไม้ไทยยอดนิยมผ่านบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย กว่า 18 ล้านกิโลกรัม

ด้านการกำกับดูแลกิจการ ให้ความสำคัญกับการรักษา ปกป้อง และใช้ข้อมูลอย่างมีธรรมาภิบาล เปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน พร้อมมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร และพัฒนาธุรกิจเพื่อสนับสนุนการดำรงชีวิตในสังคมยุคดิจิทัล

และการดำเนินการทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งของ ปณท ลด 18% ลดปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 400 ตันคาร์บอนต่อปี ส่งเสริมจ้างงานเพิ่ม 740 ล้านบาทต่อปี

และการกำกับดูแลกิจการที่ดีและโปร่งใส เปิดระบบ CRM สามารถดึงลูกค้ากลับมาได้ มากกว่า 1 ล้านราย คิดเป็นรายได้ที่กลับคืนมา 300 ล้านบาท

แหล่งข้อมูล

https://www.prachachat.net/ict/news-1635236


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210