เปิดเทรนด์ ปี 2568 จะเป็นอีกปีที่พลังงานแสงอาทิตย์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสะอาด สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ผ่านเทคโนโลยีใหม่และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ที่มุ่งเสริมความมั่นคงพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เมื่อโลกเผชิญปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความจำเป็นในการปรับตัวสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืนจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของทุกประเทศ รวมถึงประเทศไทย รัฐบาลไทยได้วางแนวทางพลังงานหมุนเวียนที่ชัดเจนผ่านมาตรการสนับสนุน เช่น แผนพัฒนาพลังงานทดแทน (AEDP) และนโยบายอัตรารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Feed-in Tariffs) ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
อนาคตพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย
ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) พลังงานแสงอาทิตย์จะมีบทบาทสำคัญ โดยตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตเป็น 33,269 เมกะวัตต์ภายในปี 2580 จากเพียง 3,193 เมกะวัตต์ในปี 2567 ความก้าวหน้าเหล่านี้เกิดจากนโยบายเชิงรุกและนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงวิถีการใช้พลังงานในประเทศ
ในปี 2568 มี 5 แนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของพลังงานแสงอาทิตย์ และสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
1.แผงโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูง
เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์รุ่นใหม่ เช่น เทคโนโลยี **TOPCon** ยังคงเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพ ด้วยค่าประสิทธิภาพสูงสุดถึง 25.9% และคุณสมบัติเด่นในการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งสองด้าน (bifacial) ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะยาว อีกทั้งต้นทุนการผลิตที่ลดลงอย่างต่อเนื่องช่วยให้เทคโนโลยีนี้สามารถเข้าถึงได้ในวงกว้างมากขึ้น
2.การกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าขึ้น เช่น **Lithium Iron Phosphate (LFP)** กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดพลังงานโลก แบตเตอรี่รุ่นใหม่เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บพลังงาน ลดต้นทุน และยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ การบูรณาการแบตเตอรี่กับระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยให้สามารถจัดเก็บพลังงานส่วนเกินและเพิ่มเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าในช่วงที่แสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ
3.โซลาร์ฟาร์มแบบไฮบริด
ระบบไฮบริดที่ผสานการผลิตพลังงานจากหลายแหล่ง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำและพลังน้ำ เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะสมสำหรับพื้นที่จำกัดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างที่สำคัญในไทยคือโครงการโซลาร์ฟาร์มไฮบริดของเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4.อะกริวอลทาอิกส์: การเกษตรควบคู่พลังงาน
การผสานพลังงานแสงอาทิตย์กับการเกษตร เช่น การปลูกพืชใต้แผงโซลาร์เซลล์ เป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยสร้างความยั่งยืนในภาคเกษตรกรรม โครงการโรงเรือนพลังงานแสงอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นตัวอย่างสำคัญที่ผสานเทคโนโลยี IoT และพลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนพลังงานในภาคเกษตรไทย
5.การประยุกต์ใช้โซลาร์เซลล์เชิงสร้างสรรค์
เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์แบบฟิล์มบาง (Thin-Film) ที่ยืดหยุ่นและน้ำหนักเบา เปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมใหม่ เช่น แผงโซลาร์เซลล์บนยานพาหนะหรืออุปกรณ์พกพา แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้จะช่วยขยายการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในชีวิตประจำวันอย่างก้าวกระโดด
อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย
ความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานแสงอาทิตย์และสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและความสามารถในการแข่งขันระดับโลก การก้าวสู่พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องนี้จะไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยทุกคน
แหล่งข้อมูล