ทำความรู้จัก ‘เต็งกาห์’ ที่สุดของเมืองรักษ์โลกแห่งใหม่จากสิงคโปร์

Loading

เมื่อพูดถึงเรื่อง “เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ในละแวกเพื่อนบ้านของไทย ประเทศสิงคโปร์มักปรากฎเป็นชื่อแรกที่เรานึกถึงก่อนเสมอ

ด้วยความที่เป็นประเทศขนาดเล็ก ขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจนำหน้าเพื่อนบ้านในโซนใกล้เคียง แต่ขณะเดียวกันสามารถสร้างเมืองให้มีพื้นที่สีเขียวมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกได้พร้อม ๆ กัน

ด้วยพื้นที่ขนาดไม่มากไม่มายกว่าจังหวัดภูเก็ตของไทย สิงคโปร์มีสวนสาธารณะถึง 350 แห่ง หรือคิดเป็น 29.3% ของพื้นที่ ซึ่งมากที่สุดในโลก (อ้างอิงข้อมูลเมื่อ มิถุนายน ค.ศ. 2017)

เท่านั้นยังไม่พอ ภายใต้วิสัยทัศน์ Garden City ของลี กวน ยู ซึ่งบรรจุไว้ในแผนแม่บทพัฒนาเมือง ค.ศ. 2014 – 2030 สิงคโปร์ยังเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากยิ่งกว่าที่มี

ซึ่งแผนงานก็ใช่ว่าจะมีแต่การปลูกต้นไม้ เพิ่มสวนสาธารณะอย่างเดียว ปัจจุบันรัฐบาลประเทศสิงคโปร์ได้เติมเต็มแผนไปสู่การพัฒนาเมืองแห่งอนาคตที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสันติสุข พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนควบคู่ไปในคราวเดียวกัน

โดยเมืองในฝันที่กำลังออกแบบและก่อสร้างอยู่ในขณะนี้มีชื่อว่า “เต็งกาห์” (Tengah) พัฒนาร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาการเคหะ (HDB) ซึ่งเป็นผู้จัดสรรที่อยู่อาศัยให้ประชาชนในประเทศ

เมือง “เต็งกาห์” ที่ว่านี้กำลังถูกสร้างขึ้นในพื้นที่กองทัพสิงคโปร์เคยใช้สำหรับฝึกงานทางการทหารมาก่อน แต่ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นทางด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า จึงได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นเมืองธรรมชาติเสียแทน

โดยพื้นฐานแล้ว เต็งกาห์ คือ การพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนในรูปแบบของชุมชนแฟลต

แต่กระนั้นก็ขอให้เราลบภาพจำของแฟลตที่อยู่กันอย่างแออัด ไร้ชีวิตชีวาออกไปเสียใหม่หมด เพราะแฟลตแห่งใหม่นี้จะพลิกโฉมการสร้างอาคารแบบเก่า เปลี่ยนหลังเท้าไปสู่หน้ามือไปเลยทีเดียว

โดยความเป็น “เต็งกาห์” ที่ออกแบบไว้ จะกลายเป็นเมือง ๆ หนึ่งที่ประกอบด้วยแฟลตที่อยู่อาศัย ผสานรวมกับระบบสาธารณูโภคที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความเป็นไปของโลกในอนาคตที่กำลังย่ำแย่ลง

ยกตัวอย่างเช่น ณ ที่แห่งนี้ได้ถูกออกแบบไว้ให้เป็นเมืองที่ปลอดรถยนต์แห่งแรกของประเทศ – ในความหมายที่ว่าไม่ได้ห้ามให้ใครมีรถยนต์ส่วนตัว แต่เส้นทางสัญจรจะถูกสร้างไว้ในชั้นใต้ดินแทน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์

โดยการสัญจรหลักของเมืองจะเน้นความสำคัญกับทางจักรยาน และเครือข่ายรถไฟฟ้าที่นำพาผู้อยู่อาศัยเดินทางข้ามเมืองอย่างสะดวกสบาย

แน่นอนว่าเมืองในแบบสิงคโปร์สิ่งที่ขาดไม่ได้คือสวนสาธารณะพื้นที่ 20 เฮกตาร์ ที่ประกอบขึ้นด้วยพื้นที่สำหรับนันทนาการ มีแหล่งน้ำเพื่อให้เกิดภาพทิวทัศน์ที่งดงาม เรียกว่า Central Park

แต่ในกรณีของยูโทเปียแห่งใหม่นี้ นอกจากจะสร้างสวนไว้กลางเมืองแล้ว ยังจัดพื้นที่สีเขียวปลูกไว้รอบ ๆ เขตปริมณฑลไว้อีกด้วย

ซึ่งโดยพื้นฐานทางที่ตั้งของเมือง จะอยู่บนแนวระเบียงนิเวศที่สำคัญซึ่งเชื่อมระหว่างภาคตะวันตกของสิงคโปร์กับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของประเทศ ตรงนี้ก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้คนในเมืองสามารถออกไปสัมผัสธรรมชาติแท้ ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยจะมีการสร้างทางเดินเชื่อมป่า หรือ Forest Corridor เชื่อมโยงเป็นเส้นทางเครือข่ายพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน

แต่จุดขายสำคัญ ที่ไม่ได้มีดีแค่ป่าหรือความเขียว สิ่งที่ทำให้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นผู้อยู่อาศัยของชุมนุมแห่งนี้ คือ โครงสร้างพื้นฐานที่ตอบสนองความต้องการทางเทคโนโลยีของเมืองอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน

เช่น ระบบทำความเย็นจากส่วนกลาง ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในแฟลตของผู้อยู่อาศัย

ระบบนี้จะประหยัดพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศแต่ละเครื่องซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ค่าสาธารณูปโภคส่วนกลางสำหรับผู้อยู่อาศัยลดลง

เหตุที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเพราะส่วนนี้ เพราะปัจจุบันสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีเครื่องปรับอากาศเยอะมาก และมีหน่วยทำความเย็นต่อหัวมากกว่าที่อื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อุณหภูมิโดยรวมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 27 องศาเซลเซียส (81 ฟาเรนไฮต์) ตลอดทั้งปีและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ปริมาณพลังงานที่จำเป็นต่อการทำให้อากาศเย็นลง ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นสูงขึ้น และย่อมหมายถึงรายจ่ายที่ต้องเพิ่มตามมา

ซึ่งโครงการระบุไว้ว่า ระบบทำความเย็นแบบส่วนกลางนี้จะลดการใช้พลังงานลง 30% ช่วยลดทั้งค่าเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 50 เท่า

มีอุปกรณ์ซิมูเลเตอร์และการวิเคราะห์ข้อมูลใช้เพื่อปรับแต่งการวางแผนและออกแบบเมืองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระแสลมและลดความร้อน ตลอดจนหาโซลูชันที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน หรือการเลือกใช้ระบบแสงสว่างอัจฉริยะมาจัดการระดับความสว่างตามเส้นทางในบริเวณต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานในขณะที่มีแสงสว่างเพียงพอ

รวมทั้งยังพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานทั่วเมือง และพัฒนาแอปพลิเคชันให้ผู้อยู่อาศัยสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานของตัวเองได้อีกด้วย

จากไอเดีย และระบบต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบ และพัฒนาวิธีการให้ใช้ได้จริงเหล่านี้ ทำให้ “เต็งกาห์” ได้รับการขนานนามให้เป็น “เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก”

สำหรับเมืองในฝันนี้แห่งนี้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเปิดจองและดำเนินการก่อสร้าง ตามระยะเวลาในแผนงานพร้อมเข้าอยู่ได้ในปี ค.ศ. 2023 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า

อ้างอิง:

HISTORY SG. “Garden City” Vision is Introduced. https://bit.ly/1TYlbBc
Bloomberg Green, Singapore’s New City of the Future Is Its Greenest Project Yet : https://bloom.bg/2IqRvyg
HDB, Tengah : https://bit.ly/36lLJWs

ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
https://www.brandthink.me


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210