ปตท. จับมือ ฟอกซ์คอน ร่วมทุนพัฒนาแพลทฟอร์มรถ EV เล็งลงทุน 1,000–2,000 ล้านเหรียญ เพื่อเป็นฮับครบวงจร

Loading

ถือว่าเป็นหนึ่งในข่าวใหญ่ของวงการธุรกิจและการลงทุนในวันนี้ เมื่อ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท หงไห่ พริซิชั่นอินดัสตรี หรือที่รู้จักในชื่อว่า ฟอกซ์คอน (Foxconn) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย โดยการผสานความเชี่ยวชาญของฟอกซ์คอนในด้านอตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ และ ปตท. รวมถึงบริษัทในเครือที่มีความเชี่ยวชาญแขนงต่างๆ ในห่วงโซ่ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆในประเทศไทย ที่มีความสนใจที่จะเข้าร่วมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า

สำหรับ ปตท. แม้ว่าจะมีธุรกิจหลักคือ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ ยุคหน้ากำลังเปลี่ยนไปสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ ปตท. ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจ EV Value Chain โดยจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ในการพัฒนา EV Charging Platform, EV Station รวมถึงการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า

ดังนั้นความร่วมมือกับ Foxconn จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ของทั้งในไทยและในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นตัวเร่งที่สำคัญในการผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ

สำหรับแผนการลงทุนระหว่าง ปตท. และ Foxconn ในระยะแรกตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และส่วนประกอบหลักต่าง ๆ แบบ end-to-end ด้วยเงินร่วมลงทุนขั้นต้นที่ 1,000 – 2,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 31,000 – 62,000 ล้านบาท และจะขยายการลงทุนในอนาคตต่อไป

Foxconn ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก

แม้ไต้หวันจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ พื้นที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าภาคตะวันออกของไทย แต่ต้องยอมรับว่าไต้หวันมีภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่ง Foxconn คือหนึ่งในบริษัทสัญชาติไต้หวันที่นับว่ามีอิทธิพลสูงในวงการเทคโนโลยี โดยบริษัทมีมูลค่าสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท มีพนักงานทั่วโลกทั้งในไต้หวัน จีน อินเดีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐ และบราซิล มากกว่า 1.29 ล้านคน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Foxconn นับว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างมากในอุปกรณ์ไอทีหลากหลายแบรนด์ โดยคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทคือ Apple ที่เป็นคู่ค้ากันมายาวตั้งแต่ปี 2007 และเป็นพลังสำคัญในการทำให้ iPhone iPad และ iMac สามารถครองตลาดสินค้าเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันได้

นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์หลักให้กับสินค้าไอทีชื่อดังอื่นๆ มากมาย ทั้ง Amazon, BlackBerry, Dell, Google, Hewlett-Packard, Huawei, Lenovo, Intel, Microsoft, Nintendo, Sony, Xiaomi และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน

ที่น่าสนใจคือ Foxconn มีรถยนต์ EV ของตัวเองในชื่อ Foxtron มีแผนออกสู่ท้องตลาดภายในปี 2023

รู้หรือไม่ ‘GPSC’ บริษัทลูก ปตท. คือผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV ที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน) หรือ GPSC บริษัทในเครือของ ปตท. นับว่าเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและพลังงานที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตนวัตกรรมด้านพลังงานในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Semi-Solid ของบริษัท 24M Technologies Inc. (24M) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย นำมาปรับใช้ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ทำให้มีการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเชิงพาณิชย์ทั้งในจีน และนอร์เวย์ โดยในส่วนของไทย บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาตั้งโรงงานแบตเตอรี่ Semi-solid ขนาดใหญ่แห่งใหม่มีกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) จากเดิมที่เคยตั้งเป้าขยาย 100MWh จากปัจจุบันบริษัทมีโครงการนำร่องผลิตแบตเตอรี่ กำลังการผลิต 30 MWh เพื่อรองรับความต้องการใช้ของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกกลุ่มทั้งไทยและต่างประเทศ

GPSC ได้ลงทุนโครงการนำร่องผลิตแบตเตอรี่ เทคโนโลยี Semi-Solid ของ24M กำลังผลิตอยู่ที่ 30 MWh ที่พร้อมดำเนินการผลิต (Start of Regular Production) ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 โดยโรงงานแบตฯ แห่งใหม่ในไทยจะอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ในภาคตะวันออก โดยใช้งบลงทุนราว 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นับเป็นโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ที่มีกระบวนการผลิตที่ครบวงจรทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ GPSC เข้าลงทุนในบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology Co., Ltd. ประเทศจีนในสัดส่วนประมาณ 11.1% วงเงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่เทคโนโลยีบริษัท 24M กำลังการผลิตรวม 1 GWh ต่อปี คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2564หรือต้นปีหน้าป้อนให้กลุ่มลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน เช่น Chery New Energy Automobile

ทั้งยังสามารถต่อยอดและขยายความร่วมมือทางธุรกิจ และความร่วมมืออื่นๆ เช่น การจัดหาวัตถุดิบและเพิ่มศักยภาพของการแข่งขัน ของทั้งบริษัทและร่วมพัฒนาไปพร้อมกับคู่ค้าได้อีกด้วย

งานนี้ต้องจับตาดูว่าเพื่อธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศ จับมือกับบริษัทผู้ผลิตชิปและชิ้นส่วนอุปกรณ์เทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลก ลงทุนร่วมกันในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้เกิดแรงผลักดันอุตสาหกรรมนี้ได้มากขนาดไหน และจะเป็นตัวเร่งสู่การเป็นสังคมของยานยนต์ EV ได้เร็วขึ้นหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ ดีลนี้สะเทือนถึงประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน ที่กำลังเข้ามาลุยในตลาดเดียวกัน

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/reporterjourney/photos/a.140887172750283/1751530828352568/


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210