สำรวจแนวปฏิบัติ “ระบบราชการดิจิทัลยุคใหม่”

Loading

จุดเปลี่ยนระบบราชการไทย ก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัล พาสำรวจแนวปฏิบัติ “ระบบราชการดิจิทัลยุคใหม่” พร้อมโชว์ 2 บริการ สร้างความเชื่อมั่น “เอกสารอิเล็กทรอนิกส์”

วันนี้เรียกว่าลบภาพจำราชการเดิมๆ ไปได้เลย เพราะนับตั้งแต่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 มีผลบังคับใช้ เราเห็นภาพการทำงาน การให้บริการของหน่วยงานราชการเริ่มเปลี่ยนไป หลายหน่วยงานให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ยกเลิกการใช้เอกสารแบบกระดาษ ทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น การสร้างจุดเปลี่ยนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเคยจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้

เบื้องหลังขับเคลื่อนโดย 4 หน่วยงานสำคัญ คือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการกำหนดแนวทางปฏิบัติ การให้บริการ การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายใต้รายละเอียดกฎหมายที่ถูกต้อง ชัดเจน และครอบคลุม เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัลได้อย่างไร้ข้อจำกัด

ในการผลักดันให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐทุกๆ ระดับ เปลี่ยนวิถีการทำงานเป็นดิจิทัลนั้น ทั้ง 4 หน่วยงาน ย่อมต้องปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหน่วยงาน ETDA ที่มีบทบาทสำคัญเป็นทั้งผู้ร่วมขับเคลื่อน และหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565  ทั้งนี้ รายละเอียดของกฎหมายฉบับดังกล่าวจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่หน่วยงานรัฐ รวมถึงสัมพันธ์ต่อประชาชนอย่างไร ขณะที่บทบาทของ ETDA จะเข้าไปมีส่วนสำคัญโดยตรงในการช่วยยกระดับการทำงานหน่วยงานรัฐอย่างไรนั้น วันนี้มาอัปเดตไปพร้อมๆ กัน

ลดข้อจำกัด เร่งสปีด ราชการดิจิทัล

จุดประสงค์หลักของการทำ ‘พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565’ นี้คือ การปรับเปลี่ยนการทำงานและการให้บริการของหน่วยงานราชการในรูปแบบออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อส่งต่อการให้บริการแก่ประชาชนได้ดีกว่าที่เคย และเมื่อระบบการทำงานของหน่วยงานราชการเปลี่ยนสู่ e-Government ได้อย่างไร้ข้อจำกัด ก็ย่อมส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ขณะเดียวกันกฎหมายดังกล่าว จะเข้ามาแก้ปัญหาให้หลายหน่วยงานราชการ ที่แม้ที่ผ่านมา มีการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องส่งเสริมความสะดวกค่อนข้างมากก็ตาม แต่เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ความชัดเจนของรายละเอียดยังไม่ครอบคลุมข้อระเบียบการปฏิบัติทางกฎหมายที่กว้างพอ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้งาน

ยกตัวอย่าง ‘การขอใบอนุญาต’ ตั้งแต่ ‘การขอ-การออก-การแสดง’ โดยปีที่ผ่านมา แม้มีระเบียบแจ้งว่า คุณสามารถออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ได้แล้ว แต่ทว่า ระเบียบของบางหน่วยงานแจ้งว่า คุณต้องแสดงและติดใบอนุญาตให้เห็นในที่สาธารณะ นั่นแปลว่า คุณต้องติดในรูปแบบกระดาษ (Physical Paper) ซึ่งจะสังเกตุพบได้ตามร้านค้าหรือร้านโชห่วยบางแห่ง ที่จะยังมีการติดใบอนุญาตอยู่ หรือระเบียบบางแห่งแจ้งระบุลักษณะเฉพาะเลยว่า ต้องติดบนฝาผนังให้ชัดเจน เหล่านี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายหน่วยงานราชการทำงานในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างชะงัก เพราะไม่เปิดช่องทางให้ใช้แบบอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง

ดังนั้น จึงเป็นที่มาในการจัดทำ ‘พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565’ ที่มีจุดแข็งในรายละเอียดที่กว้างขึ้น แก้ปัญหาข้อจำกัดต่างๆ ตอบโจทย์การทำงานของหน่วยงานราชการทั่วประเทศ ซึ่งในรายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้ จะมีการระบุหนึ่งในมาตราที่เกี่ยวกับรูปแบบการแสดง หรือให้ประชาชนเห็นเรื่องใบอนุญาตด้วยว่า คุณสามารถแสดงรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ต้องบอกแหล่งที่มา (Electronics Source) ได้ โดยไม่จำเป็นต้องติดใบอนุญาตข้างฝาผนังอีกต่อไป รวมถึงเรื่องการขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ก็จะสามารถแสดงในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งหากทุกหน่วยงานราชการประยุกต์ใช้กฎหมายฉบับนี้ได้จำนวนมาก คาดว่า เรื่องการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐต่อประชาชนจะดีขึ้นอย่างมากทีเดียว

หน่วยงานรัฐต้องปรับการทำงานเรื่องไหนบ้าง?

แม้หน่วยงานรัฐมีหลายเรื่องต้องปรับเปลี่ยน แต่หลักหัวใจกว้างๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่ต้องเร่งปรับก่อนเลย คือ ‘หน่วยงานรัฐต้องรับเอกสารที่ประชาชนยื่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้’ และ ‘ต้องสามารถตอบกลับประชาชนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้’ ถ้าประชาชนต้องการข้อมูลเอกสารรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ฉะนั้น หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐจึงต้องปรับตัวการทำงานในส่วนนี้อันดับแรกๆ โดยต้องศึกษาระเบียบกฎหมาย วิธีการใช้ภายในหน่วยงาน ซึ่งตัวอย่างที่ง่ายที่สุด คือ การใช้ระบบ e-Saraban หรือระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ในการรับรองการรับ ส่ง เซ็น และเก็บเอกสารทางออนไลน์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ETDA มีการนำร่องใช้ระบบ e-Saraban ภายในหน่วยงานแล้ว รวมถึงเปิดให้หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ นำระบบดังกล่าวไปใช้ด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อลงรายละเอียดถึงแนวปฏิบัติ ใน พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 สามารถแบ่งได้ 3 ชุด ดังนี้

1. แนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานขนาดเล็ก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ยังไม่มีความพร้อมมากนักในด้านเทคโนโลยี

2. แนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานทั่วไประดับกลาง ซึ่งอาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้นรวมถึงมีการติดต่อที่ซับซ้อนขึ้น

และ 3. แนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานที่มีความพร้อมสูง มีความรู้เข้าใจในเชิง IT Operation และ IT Support ที่สูง

นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการทำงานแล้ว จะมีกระบวนการโดยกว้าง 8 ข้อ ที่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องพิจารณาปรับให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ คือ

  1. การให้ข้อมูล
  2. การรับเอกสารต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
  3. การตรวจสอบ กระบวนการพิจารณาภายในหน่วยงานรัฐต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
  4. กระบวนการอนุมัติหรือการลงลายมือต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
  5. การออกใบอนุญาตต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
  6. การทำการชำระบริการต้องเป็น e-Payment
  7. การนำส่งกลับข้อมูลให้ผู้ขอต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์
  8. การแสดงข้อมูลต้องเป็นอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ ยังสามารถศึกษารายละเอียดกระบวนการได้ที่เว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.)

บทบาท ETDA พรบ.ปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์

ในการทำงานขับเคลื่อน พรบ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ร่วมกับ 3 หน่วยงานแกนสำคัญนั้น แต่ละหน่วยงานจะมีหน้าที่ที่รับผิดชอบแตกต่างกัน โดยสรุปสังเขป ได้ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) รับทำหน้าที่เชิง Project Management เพื่อติดตามประสานงานกับหน่วยงานทั่วไป พร้อมให้แนวทางปฏิบัติ การให้บริการ ในการแก้ปัญหาทั้งหลายแก่หน่วยงานภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับหน้าที่หลักเรื่องการทำกฎหมาย และรายละเอียดกฎหมาย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ทำหน้าที่ไปช่วยแก้ปัญหาการทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงกำหนดแนวปฏิบัติ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐนำไปใช้

ขณะที่ ETDA มีบทบาทหลัก แบ่งได้ 2 มุม เริ่มที่ มุมผู้กำหนดนโยบาย คือ ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานเพื่อสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติ เช่น Digital ID หรือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) เป็นต้น และมุมผู้ให้บริการ เมื่อแนวปฏิบัติออกมาแล้ว จะใช้จริงใช้อย่างไร ETDA จึงมีการสนับสนุนเครื่องมือดิจิทัล ผ่าน 2 บริการหลักๆ ได้แก่

1) บริการ Web Validation เป็นระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ TEDA Web Validation Portal โดย ETDA จัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานและผู้ประกอบการ ให้มีแหล่งตรวจสอบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Timestamping) การลงนามด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเอกสารใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ซึ่งจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการประทับรับรองเวลา การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแก่ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงข้อมูลเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยรูปแบบการตรวจเป็นไปตามวิธีการของวิทยาการเข้ารหัสลับ (Cryptography) โดยปี 2566 เฉพาะเดือนมกราคม – มีนาคม ดำเนินการให้บริการแล้ว รวม 13,137 ข้อมูล

2) บริการ e-Timestamp เป็นการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและรับรองการมีอยู่ของเอกสาร ณ เวลานั้นๆ เช่นเดียวกับการประทับตรายางหมึกที่สำนักงานต่างๆ มักใช้ประทับเวลาเมื่อได้รับเอกสารต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี Timestamping Authority (TSA) ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการตรวจสอบความถูกต้องของเวลาที่ใช้อ้างอิง สามารถใช้ประกอบการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเพื่อรับรองการมีอยู่ของเอกสาร ซึ่ง TSA จะเป็นเสมือนพยาน หรือบุคคลที่ 3 ที่เชื่อถือได้ เนื่องจากไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเอกสารดังกล่าว อีกทั้งสามารถใช้ในการตรวจสอบว่าเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการประทับรับรองเวลาแล้วนั้น ถูกแก้ไขหรือไม่ โดยปี 2566 เฉพาะเดือนมกราคม-มีนาคม ดำเนินการจัดการข้อมูลไปแล้ว รวม 655,945 ข้อมูล ทั้งนี้ ในส่วนบริการ e-Timestamp ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2566 เป็นต้นไป ETDA จะปรับการทำงานจากผู้ให้บริการโดยตรง ถอยมาเป็นผู้โปรโมตทางอ้อมแทน เพื่อทำหน้าที่นำประสบการณ์การใช้และเข้าใจประเด็นปัญหาการใช้ รูปแบบการใช้งานหรือการให้บริการแบบไหนที่เหมาะสม ไปผลักดันผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งปัจจุบันมีขึ้นแล้วราว 2-3 ราย จัดทำให้เกิด Trust Service ที่จะไปตอบโจทย์ พระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565

จะเห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันต่อกระแสโลกดิจิทัล อย่างการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาทรานส์ฟอร์มระบบการทำงาน และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจพร้อมมีทักษะทางดิจิทัลนั้น ได้เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นต่อหลายภาคส่วนอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งความท้าทายของหน่วยงานราชการไทย เปลี่ยนสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนั้น ยังคงมี โดยเฉพาะเรื่องกรอบความคิด (Mindset) ของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ที่ถ้าหากมองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซับซ้อน ยุ่งยาก การทำงานแบบเดิมยังใช้งานได้อยู่นั้น ก็ย่อมส่งผลให้การเกิดขึ้นของระบบราชการอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปได้ยาก

แหล่งข้อมูล

https://www.thansettakij.com/technology/technology/569240


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210