ครั้งแรกในโลก!!! ChatGPT ถูกใช้ในการ ‘ตัดสินคดี’ ที่โคลอมเบียแล้ว

Loading

หลังจาก AI ที่ตอบได้สารพัดคำถามอย่าง ChatGPT ถูกเปิดให้สาธารณชนใช้ และฐานผู้ใช้ขยายตัวเร็วกว่าสิ่งใดในโลก ก็มีคนจำนวนมากเข้าไปใช้และเห็นได้ว่ามันตอบคำถามได้หลากหลายจริงๆ ทำให้คนหลากหลายสาขาอาชีพ ‘สะดุ้ง’ ไปตามๆ กันว่า AI จะมา ‘แย่งงาน’ พวกเขาจริงๆ แล้ว

ในความเป็นจริงอาจซับซ้อนกว่านั้น เพราะ AI ไม่ได้มาแย่งงานมนุษย์ได้ง่ายๆ และถ้าคนมองมันในแง่นี้ มันคือสิ่งที่จะมา ‘ช่วยงาน’ ต่างหาก ดังเช่นผู้พิพากษาชาวโคลอมเบียที่ใช้ ChatGPT ช่วยเขาตัดสินคดีเกี่ยวกับสิทธิของเด็กออทิสติกในการรับเงินประกันสุขภาพ

นี่อาจทำให้หลายคนช็อกว่า AI ถูกใช้ในศาลแล้วหรือ แต่จริงๆ ในอเมริกามีโครงการที่พยายามใช้ AI ตัดสินคดีง่ายๆ มานานแล้ว และก็มีพวก Startup ทำ AI สำหรับใช้สู้คดีง่ายๆ เช่นกัน ดังนั้น AI ไม่ใช่สิ่งที่แปลกปลอมในศาลเสียทีเดียว

แต่ความน่าสนใจในเคสของผู้พิพากษาโคลอมเบียนี้ก็คือ ท่านผู้พิพากษาได้รายงานการใช้ AI ประกอบการวินิจฉัยคดีชัดๆ รวมถึงเหตุผลการใช้ว่าจะเป็นการช่วยให้เขียนคำพิพากษาได้เร็วขึ้น ซึ่งจริงทุกประการ (ไม่ได้ต่างจากการใช้ ChatGPT ในการ ‘เขียนเมล’ หรือ ‘ตอบเมล’) ซึ่งผู้พิพากษาก็รายงานละเอียดว่าถามอะไร ChatGPT ไป และมันตอบยังไงบ้าง พร้อมทั้งเขียนชัดเจนว่ายังสงวนสิทธิ์ในการพิพากษาและการให้เหตุผลของคำพิพากษาโดยตัวผู้พิพากษาเอง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเอกสารคำพิพากษาลงวันที่ 30 มกราคม 2023

แน่นอนสำหรับฝ่ายต้าน AI ก็ย่อมเร่งออกมาชี้ถึง ‘ความผิดพลาด’ ที่ ChatGPT เคยก่อ รวมถึง ‘อคติ’ ที่มีในระบบประมวลผล ซึ่งนัยหนึ่งก็เพื่อจะบอกว่า การเปิดโอกาสให้ ChatGPT ใช้อำนาจสำคัญอย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยอย่างอำนาจตุลาการ ‘ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม’

แต่มองอีกด้าน มนุษย์เองก็ใช่ว่าจะไม่ผิดพลาดหรือไม่มีอคติเลย เพราะระบบยุติธรรมไม่ว่าจะดีแค่ไหนในโลก มันก็ไม่ได้ดีถึงขั้นไร้ข้อผิดพลาดและอคติ ซึ่งกรณีนี้ทางผู้พิพากษาก็แฟร์พอที่จะบอกว่าเขาใช้ AI ช่วยในการคิดและร่างคำพิพากษา โดยคำตัดสินสุดท้ายก็ยังเป็นไปโดยมนุษย์

ดังนั้นเคสนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นประโยชน์ใช้สอยในระบบยุติธรรมของ ChatGPT แล้ว มันยังทำให้เห็นประเด็นที่หลายคนชี้มานานแล้วอีกด้วยว่า จริงๆ มันไม่ได้จะมา ‘แย่งงาน’ หรอก (โดยเฉพาะงานทางความคิดที่ยากๆ) แต่สิ่งที่ ChatGPT จะมาเปลี่ยนแปลงงานก็คือ การช่วยเป็นเพื่อนคู่คิด และเป็นเหมือนเลขาฯ ที่คอยจัดการงานเอกสารน่าเบื่อๆ ให้เรามากกว่า เพราะจริงๆ แม้แต่คนที่ทำงานที่ต้องใช้ความคิดเยอะๆ ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็มักจะหลีกเลี่ยงพวกงานเอกสารน่าเบื่อๆ ไปไม่ได้

ทว่าทั้งหมดนี้ก็คือปัจจุบันเท่านั้น ถ้า ChatGPT หรือ AI อีกสารพัดที่จะทยอยโผล่มามัน ‘ฉลาดขึ้น’ ก็ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่ามันจะไม่มา ‘ทำงานแทน’ เราในสิ่งที่มันไม่เคยทำมาก่อนได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ถึงจุดหนึ่ง มันอาจ ‘ตัดสินใจ’ ได้ดีกว่ามนุษย์ในเรื่องต่างๆ ก็ได้

แต่ก็อาจต้องรอให้ถึงตอนนั้นก่อนค่อยเถียงกัน เพราะจริงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันก็คือปัญหาเรื่อง ‘ความรับผิดชอบ’ เพราะไม่ว่า AI จะสมบูรณ์ขนาดไหน แต่ตราบที่มันยังคงผิดพลาดได้ โอกาสผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ตลอด และปัญหาคือเวลามันผิดพลาดใครจะรับผิดชอบ? และคำถามนี้ก็สำคัญมากในยุคที่มีรถยนต์อัตโนมัติเริ่มชนคนตาย ยุคที่คนเริ่มกล่าวหาว่า AI วาดภาพออกมาละเมิดลิขสิทธิ์ ยุคที่มนุษย์เริ่มให้ AI คิดแทนในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย

ซึ่งนี่ก็คงจะเป็นคำถามที่มนุษย์ต้องตอบเอง และควรจะต้องรีบตอบด้วย

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3579473499044843/


Smart City Thailand : 02 054 7755
Contact us : thunya.b@gmail.com | thunya@securitysystems.in.th

© smartcitythailand 11 โกสุมรวมใจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210